Wednesday, May 14, 2014

CONTENT MARKETING การตลาดเจาะ ทุก Gen




Content Marketing 
การตลาดสำหรับทุก Generation 


ดูเหมือนว่าตอนนี้การทำการตลาดผ่าน social media นั้นจะยากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ไม่ยากเกินตัวนะคะ 
เพียงแต่การแข่งขันสูงมากขึ้น ตามเกณฑ์ของช่องทางที่ง่ายและเร็ว 
เมื่อช่องทางการตลาดไหนง่ายและเร็วแล้ว ช่องทางนั้นก็เปรียบเหมือนบ่อนํ้ามัน
ที่ทุกคนกระโจนเข้าใส่ ไม่ได้เอาตัวเอาไปชุบในนั้นนะคะ แต่กอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากและเร็วที่สุด
ในที่สุดแล้วนํ้ามันที่อยู่ในบ่อนั้นก็สามารถหมดได้ จนทำให้เราต้องไปจ่ายตังค์
หาซื้อบ่อนํ้ามันจากพ่อค้าคนกลางบ้าง พ่อค้ามือที่สามบ้างก็มี 

เพราะฉะนั้นแล้ว บ่อนํ้ามันก็เปรียบเหมือน data base ที่อยู่ในโลกออนไลน์ของเรา
ซึ่งแต่ก่อนนี้การเข้าถึงก็เป็นเรื่องง่ายไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าโฆษณา
ในยุคที่ ใครหลายๆคนยังมีอาชีพเดียว และทำงานอย่างเดียว

ณ ตอนนี้ การค้าขายง่ายขึ้น พี่ๆ social media platform ทั้งหลาย
ก็ปลุกปั้น ข้อมูลรายละเอียดของ target audience กันอย่างขยันขันแข็ง 
เพราะมันมีค่ามหาศาล ทำเงินให้ใครหลายๆคนมานักต่อนัก 

วันนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่อง โฆษณานะคะ 
เราจะพูดถึงเรื่องที่เป็นอาวุธ ไม่ลับ 
เพียงแต่ถ้าใครทำให้อาวุธนี้คมก็จะสามารถทำแต้มต่อทิ้งห่างจาก
คู่แข่งได้อย่างดี 

สิ่งนี้มีมานานแล้ว และก็อยู่รอบตัวเรา เพียงแต่เราไม่มองมันก็เท่านั้นเอง 
นั้นคือ สาร ข้อมูล หรือ เนื้อหาที่คุณนำเสนอให้กับประชาชนภายนอก 
ทั้งที่เป็นกลุ่มเป้าหมายและไม่เป็นกลุ่มเป้าหมาย 

แล้วใครละ จะเอา content มาลงได้ทุกวัน
วันละ 3 เวลา บ้าเปล่า
ก็ไม่บ้านะ จะกี่เวลาก็แล้วแต่เวลาที่ high traffic ในช่องทางของคุณละค่ะ 

มีหลายวิธีที่เคยนำเสนอไปในแฟนเพจแล้วไม่ว่าจะเป็น 
การดูชื่อหนังสือ ต่างๆ นั้นละคะ อยู่ในท้องตลาดมีอยู่ไม่กี่กลุ่มคำที่โดนใจคนอ่าน
และเตะตาให้หยิบขึ้นมาเสมอ ลองเรียนรู้จากมันซิคะ

นอกจากหนังสือแล้วก็ยังมี  magazine........ที่สุดแล้ว ใครทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้ภายใน
1 เดือน 
รับรองคุณจะเป็นเจ้าแห่งการคิด content ให้เตะตาแน่นอน
เอ็มจึงขอ นำเสนอ การลับอาวุธนี้หรือ content marketing
ภายใน 5 นาที ง่ายๆ ทำได้ทุกวัน ภายใต้ 5 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ 


0.5.ไปตามแผงหนังสือ ร้านหนังสือ ทุกครั้งเวลาไปห้างหรือเดินผ่าน
1.กวาดตาดู magazines ที่มีกลุ่มเป้าหมายตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
2.ดู headline หรือหัวข้อพาดหน้าปก สังเกตุดีๆไม่ว่าจะเป็นคำที่ใช้ ภาษาที่ใช้ หรือ หัวข้อที่ใช้ 
3.เปิดเข้าไปดูเนื้อข้างในว่ามีคอลลัมน์อะไรเด็ดๆบ้าง บวกกับการเขียน sub-script หรือรายละเอียดย่อยก่อนเข้าสู่รายละเอียดลึกของเนื้อหาศิลปะการเขียนเกิดจากการอ่านและสังเกตุค่ะ 
4.อ่านเนื้อหาละเอียด คอลลัมน์ไหนที่อ่านแล้วคุณเห็นภาพตาม เข้าใจได้ไม่กี่นาที นั้นละคะ เรียนรู้วิธีเขียนจากผู้เขียน

แต่ไม่ใช่การคัดลอกนะคะ เรียนรู้จากหลายๆแหล่งๆ สุดท้าย ตบด้วยความเป็นตัวคุณ
ถ้าคุณจะลอก ^^ รับและรองว่าไม่เกิด 



Monday, April 28, 2014

10 สิ่งที่คนเป็นลูกควรรู้ไว้



เมื่อไม่นานมานี้ คุณพ่อของเอ็มอยู่ดีๆก็ไม่สบาย เกิดอาการที่เรียกว่า Belle Palsy หรือเส้นประสาทคู่ที่ 7 ติดไวรัส ทำให้ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อหน้าข้างหนึ่งได้
แต่ก่อนจะเกิดอาการนี้ ในช่วงเวลาที่เราไม่รู้สาเหตุของการไม่สบายที่เกิดขึ้น
คุณพ่อตื่นนอนและมีอาการปวดศรีษะ ไม่สามารถควบคุมการทานอาหารได้ดีเหมือนที่เคยเป็น

เป็นช่วงเวลา ที่คนเป็นลูกอย่างเรา คิดอะไรได้มากมาย
ความจริงแล้ว ในช่วงเวลาแบบนี้เคยเกิดกับเอ็มครั้งหนึ่งตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง
แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก

ในขณะที่เรารอกระบวนการตรวจวินิจฉัย.... ในหัวมีประโยคที่ว่า
"ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วเราจะทำยังไงดี?" เพียงแค่ครั้งเดียว
เอ็มเป็นพี่คนโต ในสมองนั้นจึงคิดอย่างเดียวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น
เราก็ต้องมีสติที่สุด หันไปหาคุณแม่ คุณแม่กลับมีสติมากกว่าเรา
เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเรามีสติ เราก็คิดไว้ล่วงหน้าเลยพรุ่งนี้งานก็ต้องเดินต่อไป
เราอาจต้องทำหน้าที่แทน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ต้องพร้อม ไม่ว่าวินาทีไหนก็ต้องพร้อม
ไม่มีคำว่า " ทำไม่ได้ " " ไม่ไหว" " ไม่เก่ง"
มีแต่คำว่า ทำได้ มั่นใจและทำได้ดี

อาชีพของเราคืออาชีพเทรนเนอร์ บางคนเรียกเราว่า โค้ช บางคนเรียกเราว่าที่ปรึกษา
 บางคนเรียกเราว่าครู อาชีพเทรนเนอร์ ไม่ใช่อาชีพที่ใครจะเป็นก็ได้
เป็นอาชีพที่ไม่รักจริง ไม่จริงใจก็เป็นไม่ได้

นอกจากคิดถึงอนาคตแล้ว ยังคิดถึงอดีต
คิดถึงเวลาที่เราเสียไปกับบางสิ่งที่เราเรียกว่า "ชิลๆ"
มองกลับกัน เวลาที่เรา ชิลๆ
พ่อกับแม่เราไม่ได้ชิลไปกับเรา กลับตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เก็บเงิน ประหยัด
เพื่อส่งเราเรียน และเพื่อเป็นทุนให้เรามีชีวิตที่ดีในอนาคต
ช่วงเวลาที่เราค่อยๆโตมา หลายครั้งที่มีเสียงบอกว่ามีหน้าที่เรียนก็เรียนไป
นอกจากเรียนแล้ว เวลาว่างเราก็ไปหาความสุขใส่ตัว
บ่อยครั้งที่ลืมคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
บ่อยครั้งที่เราพูดจาดี ไพเราะกับคนนอกบ้าน แต่กลับพูดจากระแทกแดกดัน
กับคนในบ้าน เพียงแค่มีคำถามว่า "ไปไหนมาลูก"
บ่อยครั้งที่เราไม่เห็นค่าของสิ่งที่คนในบ้านทำให้เรา
บ่อยครั้ง ที่เราเข้าใจพ่อแม่เราผิดว่าสนใจแต่งานไม่สนใจเรา
บ่อยครั้งเราละเลยกับสิ่งที่พ่อแม่เราสอน
บ่อยครั้งที่เราทำให้คนในบ้านเสียนํ้าตา เพราะการกระทำและคำพูดของเรา

และหลายคนก็เสียใจกับการกระทำที่เกิดขึ้น บางคนเสียใจมากกว่าคนอื่น เพราะเวลาไม่เคยรอใคร
บางคนปล่อยปละจนเวลาล่วงเลย และ สายเกินไปในที่สุด

หลังจากการตรวจวินิจฉัยเรียบร้อย สติเอ็มก็กลับมาโดยสมบูรณ์
ไม่มีผลกระทบอะไรกับสมอง อาการนี้เกิดขึ้นเพราะคนไข้พักผ่อนไม่เพียงพอ
และทำงานหนัก ควรจะได้รับการพักผ่อน

วินาทีนั้นเอ็มเปลี่ยนตัวเองไปอีกขั้น เพราะนี่คือคำว่าโชคดี ที่คุณพ่อไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านี้
โชคดีที่พระเจ้ายังให้เวลาเรา ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับท่านและครอบครัวของเรา
เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกนาทีที่ล่วงเลยไป เอ็มตั้งใจทำเทรนนิ่งสุดความสามารถและจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากวันนั้น เอ็มได้คุยกับเพื่อนที่เป็นรุ่นพี่ที่เอ็มเคารพเรื่องนี้ พี่ท่านนี้คุณพ่อของพี่เค้าเสียไปนานแล้ว พี่เค้าได้เตือนเอ็มว่า นี่ละคือช่วงเวลาที่เราจะได้เรียนรู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่เพื่อใคร ทำอะไรเพื่อใคร และหายใจเพื่อใคร ยังไม่สายไปที่จะเรียนรู้ แม้ว่าพ่อแม่เราจะได้รู้เรื่องนี้ตั้งแต่เราเกิด หากวินาทีนี้ทำอะไรให้พ่อแม่ได้ แล้วท่านมีความสุขก็จงทำ จะได้ไม่มาเสียใจ และเสียดายภายหลัง

สิ่งที่อยากฝากไว้ให้คนเป็นลูกในการโพสต์ครั้งนี้คือ

1.เลิกพูดว่าขี้เกียจเวลาพ่อกับแม่วานให้ทำอะไร
2.การพูดกระแทกแดกดันไม่ได้แสดงให้เห็นว่าคุณเก่งอะไร แต่แสดงให้เห็นว่าคุณใช้อารมณ์เป็นหลักการในการใช้ชีวิตอีกทั้งยังสร้างความเจ็บปวดใจให้กับคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย
3.ค้นหาตัวเองให้เจอเร็วที่สุด ทำบทบาทและหน้าที่ให้ดี มีความสุข
4.อย่าเห็นแต่ตัวเอง เห็นแก่คนอื่น แล้วคุณจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น
5.เวลาไม่เคยคอยใคร บ่อยครั้งที่เราบอกว่าเราจะไม่ผลัดวันประกันพรุ่งแล้ว
เริ่มเลยค่ะ อย่าปล่อยให้เวลาพาคุณผ่านไป และมาเสียใจ
6.มีสติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีความสุขหรือความทุกข์
7.เงินทองไม่ได้หายาก แต่เงินทองมีค่ามาก มากกว่าจะไปใช้จ่ายกับอาหารหรูๆ แพงๆ หรือข้าวของแพงๆที่มาจากรายได้ที่คุณไม่ได้หาเอง และได้มาครอบครองเพียงเพื่อต้องการให้คนอื่นประทับใจเรา
เก็บเงินทองไว้มีความสุขกับคนในครอบครัว เพื่อน และคนที่คุณรัก/รักคุณ จะดีกว่า :)
8.หลายคนอยากประสบความสำเร็จให้พ่อแม่ภูมิใจ แต่ยังใช้เวลาไปกับสิ่งไร้สาระ
คงต้องถามกลับไปว่า วันนี้คุณอยากทำให้พ่อแม่ภูมิใจจริงๆหรอ หรือพูดเพื่อให้ท่านมีความสุขชั่วคราว
9.สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่บอกมาทั้งหมดไม่ได้อยากให้ผู้อ่านทำงานหนักจนลืมสุขภาพ
รักษาที่กายและจิต เดี๋ยวสิ่งดีๆจะมาหาเองค่ะ
10.ชีวิตด้านบวก ผ่อนคลายบ้าง ไม่เสียหาย เพียงแต่รู้จักบริหารชีวิต เพื่อตัวคุณและคนรอบข้างค่ะ


เราลืมไปกันหมดเลย ว่า ที่เราเป็นเราทุกวันนี้ได้เพราะใคร

ฝากไว้ ไม่ว่าคุณที่อ่านสิ่งที่เอ็มเขียนตอนนี้จะโตกว่าหรือจะเด็กกว่า เพราะเอ็มไม่อยากให้คุณคนใดคนหนึ่ง ต้องมาเสียใจภายหลัง :)

Wednesday, April 23, 2014

การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง version1




หลังจากกลับจากสัมมนาที่มาเลเซียตั้งแต่วันอาทิตย์มา การตื่นเช้าตอน 6 โมงครึ่งเป็นเรื่องที่ธรรมดา เป็นเรื่องที่อยากตื่นมา แล้วทำงานในสิ่งที่รัก เป็นเรื่องที่มีความสุข

ความจริงตรงข้ามกับ 2 เดือนที่ผ่านมามาก แม้ว่าจะดำเนินธุรกิจในสิ่งที่ตัวเองรักและหลงใหลมาก แต่เมื่อไม่ประสบความสำเร็จก็อาจมีท้อบ้าง บางครั้งที่ไม่อยากตื่นนอนตอนเช้า เพราะไม่อยากเผชิญปัญหา ที่เกิดขึ้น คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจคงเข้าใจดี แต่ความจริงแล้ว มันอยู่ที่มุมมองของเรา

ความจริงเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่ก่อนไป ลองทำใหม่ ล้มแล้วล้มอีก ก็ลองลุกแล้วลุกอีก ตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกมีความสุขมาก ก่อนนอนก็มีความสุข คิดอยู่เสมอว่า พรุ่งนี้จะทำอะไรบ้าง เขียนเป็นรายการ และไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง เชื่อว่านิสัยนี้เป็นนิสัยที่คนเป็นเยอะ ไม่ต้องฝึกก็เป็นได้

คิดว่าสิ่งที่จะแชร์ต่อไปนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณไม่มากก็น้อย  วันนี้จึงขอแชร์ขั้นตอนแรกที่ได้จากการสัมมนามาเลยละกันค่า

สิ่งแรก คือ ............

มุมมองต่อธุรกิจ ................
มุมมองต่อเงิน...................
มุมมองต่อความรวย...............

เริ่มต้นคือธุรกิจของเรา เราเข้าใจธุรกิจอย่างไรบ้าง บางคนคิดว่าธุรกิจเป็นเรื่องวุ่นวาย มีแต่ปัญหา
ก็จริง แต่ทราบไม่คะว่าปัญหาคือขุมทรัพย์ที่ไม่ค่อยมีคนอดทนจนค้นเจอ เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องชัดเจนกับตัวเรา ว่าเรามีทัศนคติอย่างไร หากทัศนคติบวกก็จะทำให้สิ่งที่เราประสงค์เป็นจริงอย่างแน่นอน

หากสิ่งที่เราคิดเป็นลบ ก็แน่นอนทุกคนคงรู้ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

มุมมองต่อความรวย หลายคนอย่างรวย แต่อิจฉาคนรวย ดูถูกตัวเองบ้าง

ถ้าหากเราเปลี่ยนมุมมอง และตอบโจทย์ทัศนคติของคุณได้ชัดเจน บนโลกนี้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป


vision does matter!!! 

Monday, April 7, 2014

ไอเดียใหม่เพื่อการตลาดโลกออนไลน์จากเพื่อนออสเตรีย

โพสต์ครั้งนี้ของเป็นโพสต์ที่ไม่ได้อิงข้อมูลสถิติจากที่ใด แต่ขอเป็นการโพสต์ซึ่งถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงของ เพื่อนออสเตรียที่ทำงานด้าน online marketing ให้กับ ski resort ที่ออสเตรีย 
เพื่อนคนนี้มีนามว่า จูเลีย 

เอ็มกับจูเลียเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนเรียน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรียกซะเต็มยศ ง่ายๆสั้นๆคือ ABAC เนี่ยละคะ เราเจอกันเพราะจูเลียมาแลกเปลี่ยนที่มหาลัยของเรา เมื่อ 6 ปีที่แล้ว คงเดาอายุกันออก ณ จุดๆนี้  จูเลียเป็นคนเยอรมัน ไม่สูงมาก มีตาสีฟ้า ผมสีบลอนด์ มีรอยยิ้มที่สดใส หน้าตาเฟรนลี่ เวลานางตอบในคลาสเป็นคำตอบที่ฉลาดมากกก  เป็นคนยุโรปที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีเลยทีเดียว เราเริ่มรู้จักกันเพราะความ เสร่อของนิสัยการทำความรู้จักคนของเอ็ม แต่เอ็มคิดว่านี่คือข้อดี แม้หลายครั้งจะโดนเพื่อนรอบข้างด่าอยู่บ่อยๆ แต่สิ่งๆนี้ทำให้เราได้รู้จักคนมากขึ้น และจะเข้าใจว่าการรู้จักคนที่มีคุณภาพมากจะเป็นผลประโยชน์ดีต่อตัวคนเวลาทำงานหรือทำธุรกิจในอนาคต นะค่ะ : ) 

เอาเป็นว่าเราได้มาเจอกันใหม่หลังจากไม่ได้เจอกันหลายปี ครั้งนี้จูเลียและเอ็มแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน online marketing มากขึ้นทำให้เอ็มเปิดโลกกว้างได้กว้างเหมือนได้อ่านหนังสือดีๆ อีกเล่มเลยทีเดียว 

จูเลียแชร์ประสบการณ์จากการที่เราคุยกันคือเรื่องของ social media ที่จูเลียใช้เพื่อโปรโมท ski resort ที่เธอทำหน้าที่ดูแล online marketing อยู่ ( เธอเป็นคนเยอรมันแต่ย้ายไปทำงานที่ออสเตรียค่ะ) 
ไอเดียเหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจหลายๆแบบได้เช่นเดียวกันนะคะ :) 
1.social media ที่เหมาะสม กับธุรกิจ ski resort service 



จูเลียไม่ได้ใช้เยอะค่ะ จูเลียใช้อยู่ที่แน่ๆคือ facebook เป็นหลัก ซึ่งตรงนี้เราพูดไปถึงการทำโฆษณาผ่าน เฟสบุ๊คที่ จูเลียกล่าวว่าการนำ video advertisement function เข้ามาใน facebook ads จะส่งผลดีให้กับ ski resort ได้อย่างมาก เพราะธุรกิจนี้คือ service การให้บริการเพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าสามารถทำให้ target audience ได้เห็นการเคลื่อนไหว ซึ่งดีกว่าการเห็นภาพนิ่ง และอีกทั้งยังได้ยินเสียงอีก จะทำให้สิ่งที่โฆษณานั้นดูเป็นจริงขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่ง เธอบอกอีกว่า การใช้ video marketing จะช่วยเธอได้เยอะ เพราะฉะนั้นช่องทาง youtube channel ก็จะเป็นอีกช่องทางที่มีความเข้มข้นขึ้นแน่นอนในอนาคต 
หลักๆ ที่มีก็จะมีประมาณนี้ 2 ช่องทางแต่เอาแบบ คุณภาพเน้นหนัก จริงๆ

2.SEO + SEA 



search engine optimization  และ search engine advertising เราพูดคุยกันถึงจุดนี้เพราะเราคุยกันถึงช่องทาง youtube ที่เริ่มมี โฆษณามาแล้ว และการใช้งานง่ายๆก็ เข้าไปใน google adwords เนี่ยละคะ จะมีฟังก์ชั่นอยู่เอ็มเองยังไม่ได้เข้าไป แต่จูเลียเพื่อนชาวยุโรปกล่าวมาเช่นนี้เดี๋ยวเราคงต้องเข้าไปดูสักหน่อย 

3. Google+ 

หลายโพสต์ที่เราพูดถึง google+ แล้วเราคุยกันว่าไม่มีประโยชน์เลย ความจริงคือมันมี แม้ว่า platform นี้จะไม่ได้รับความนิยม จูเลียกล่าวไว้ว่า ฉันใช้ google+ เพราะ google+ ทำให้ฉัน connect กับคนที่นอกเหนือจากกลุ่มเพื่อนของฉันคือคนที่มีความสนใจเดียวกัน  "We can share interests with people who have same interests" เพราะฉะนั้นแล้วในอนาคตสิ่งที่เราแชร์ใน google อาจจะกระจายไปได้มากกว่าเดิมด้วยซํ้า บนโลกของ social media ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไวมาก มีไว้ไม่เสียหาย เรียนรู้ไว้ไม่เสียเวลา อีกอย่าง google ครอบครองทุกอย่าง ( เหตุผลนี้น่าคิด เหมือนเหตุผลการใช้ youtube และ blog spot) 

4.รูปสวยๆจากภูเขาหิมะ 


สำคัญมาก นี้คืออีกสิ่งที่เธอพูดถึง รูปสวยๆแบบไม่ต้องแต่ง มันคือเรื่องจริง จริงๆค่ะ ที่จะช่วยสร้าง traffic ให้คนเข้ามาในแฟนเพจของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ เพราะการท่องเที่ยวคือสิ่งที่ทำคนใฝ่ฝัน หน้าที่ของเธอคือ ทำให้ target audience เห็นภาพฝันได้ชัดเจนมากขึ้น ผ่าน social media 

5.ท้ายสุดแล้ว ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งสำคัญ 


target audience อาจไม่ได้ทำการซื้อขายกับเราทันที ผ่าน social media แต่เราก็ต้องซื่อสัตย์กับเค้าตั้งแต่ขั้นตอนแรกที่รู้จักกัน 
sales จะเกิดขึ้นได้ หากเราสามารถใช้เครื่องมืออย่างอื่นมาช่วยด้วย มีหลายคนเข้าใจผิดว่า เราใช้social media อย่างเดียว แล้วเราจะสร้างยอดขายแบบตูมตาม ความจริงแล้วก็เกิดขึ้นได้แต่หัวใจสำคัญคืออยู่ที่ content เวลา กลยุทธ์การเข้าถึง และมีอีกหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้ในทุกๆวันที่ไม่เหมือนกันเลย 


จูเลียทิ้งท้ายก่อนเราจะเปลี่ยนเรื่องไปคุยกับแฟนหนุ่มของเธอ เพราะเราทิ้งให้เค้านั่งงุนงงอยู่นานกับสิ่งที่เราคุยกันว่า จูเลียจะคอยอัพเดท แชร์ความรู้ให้เอ็มเพิ่มอีกบางที อาทิตย์ละครั้ง หรือ เดือนละครั้งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับแฟนเพจของเอ็มด้วย ยังมีเพื่อนอีกหลายประเทศ ที่เป็นคนคุณภาพ คนทำงานจริง ยังไงเอ็มจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาฝากกันอีกเร็วๆนี้นะคะ อย่าลืมติดตามกันค่า :) 

Saturday, March 22, 2014

Owned Media : Earned Media : Paid Media คืออะไร

วันนี้ขอกลับไปสู่พื้นฐานกันเลยนะคะ Owned Media : Earned Media : Paid Media

เป็นคำศัพท์ทางการตลาดที่ตรงตัวค่า เรามาเริ่มกันเลยเพื่อให้อ่านโพสต์นี้แล้วเข้าใจได้เร็วขึ้น คือ

credit : www.titan-seo.com


1.Owned Media : คือสื่อที่เราเป็นเจ้าของแล้วเราสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของสื่อได้ ตัวอย่างเช่น
เฟสบุ๊คแฟนเพจ แม้ว่าเราจะไม่ใช่ผู้สร้าง เฟสบุ๊ค แต่เราก็เป็นคนกำหนดว่า content จะเป็นอย่างไร โพสต์เวลาไหนเป็นต้นค่ะ

2.Earned Media : คือผลของการกระจายของ audience เช่นแฟนเพจเข้ามากดไลค์ หรือแชร์โพสต์ของเราโดยเราไม่ต้องเสียโฆษณาใดๆเลย earn คือการได้มา ได้มาฟรีๆ ค่า :)

3.Paid Media : คือสื่อที่เราใช้งบประมาณในการโฆษณา การ sponsor บน thrid party channel ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ อย่างเช่นเราทำการโฆษณา boost post กับ facebook ads นี่ก็เป็นสื่อที่ใช้เงินในการสื่อค่ะ

ถามว่าแล้วควรใช้อะไร ควรจริงแล้ว ยุคของ social media ผ่านมา 2 ยุคแล้วคือยุค Owned Media และ Eaened Media คือยุคที่ดูแล้วก็อาจจะง่ายกว่ายุคนี้คือ Paid Media และยิ่งมีข่าวว่าเฟสบุ๊คจะหั่นให้ Organic Reach หรือการเข้าถึงกลุ่มแฟนเพจโดยวิธีที่ไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณาอะไรเลย ให้เหลือเพียง 1%

ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เพราะความจริงแล้วเราเข้าสู่ยุคนี้มานานสักพัก แต่ในตลาดของไทยค่าโฆษณาก็ยังถือว่าถูกว่าประเทศอื่นๆก็ว่าได้ วันนี้เอาสั้นๆง่ายๆนะคะ เดี๋ยวเข้าสู่วันทำงานแล้วเราค่อยอ่านสาระเต็มๆกันไป :)

Wednesday, March 19, 2014

คุณคือแบรนด์ หรือแบรนด์คือคุณ กันแน่?? บนโลกโซเชี่ยล

มื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนที่รู้จักกันมานานเกี่ยวกับการใช้ social media เพื่อโปรโมทบนอุตสาหกรรมธุรกิจประเภทหนึ่ง ที่สุดแล้ว มาจบตรงคำถามที่ว่า "แล้วเราควรสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าแบบเป็นแบรนด์หรือเป็นตัวเราดีอะ?"




brand&me circle

ในรูปเป็นเฟรมเวิร์คง่ายๆ ที่เรียกว่า Brand&Me Circle ตัวอย่างเช่น Mr.Artist เป็นเจ้าของแบรนด์ "บัวบก ซ่อมใจ" เพื่อค้นหาคำตอบว่าการโพสต์หรือการตอบควรเป็น Brand or My style เอ็มจึงขออธิบายง่ายๆเลยละกันค่า หากใครไม่มีเวลาอ่านแค่ไฮไลท์ก็เป็นประโยชน์เหมือนกันนะคะ :)

โพสต์นี้คงไม่อ้างอิงอะไรนอกจากประสบการณ์ที่ผ่านมาค่ะ แต่ก่อนนี้ เวลาจะโพสต์อะไรผ่านเพจของบริษัท หรือเพจ community อื่นๆ ก็คิดเยอะแยะว่าเราต้องคงฟอร์มของแบรนด์ไว้ ไม่เล่นกับกลุ่มเป้าหมายจนเกินไป ถือตัวไว้หน่อยคงจะดี

ความจริงแล้ว ความคิดเช่นนั้นเป็นความคิดที่....ไม่ถูกและไม่ผิด แต่มันไม่เวิร์ค เพราะกลับกลายเป็นว่า เราไม่สามารถ สร้าง engagement ให้กับ กลุ่มเป้าหมายใหม่ และลูกค้าเดิมได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่เราควรจะทำขั้นแรกคือ

1.เราควรโต้ตอบกับfans/followers/target audience ไหม ?

คำตอบที่จะให้คือ
"โต้ตอบกับ target audience เพื่อให้เป็นการสื่อสารจากทั้งสองฝั่ง
เพราะ โซเชี่ยลมีเดีย เป็นการสื่อสารระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย ทั้งแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายเป็นได้ทั้งผู้สื่อ และ ผู้รับสารค่ะ" 

2. คำถามต่อไป คือ "โอเค โต้ตอบแล้ว เวลาโพสต์กับโต้ตอบ เราต้องเป็นแบรนด์หรือเราอะ" 

คำตอบที่จะให้คือ : แบรนด์คือเรา เราคือแบรนด์ เอ็มเคยถามผู้บริหารที่อยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงท่านหนึ่งว่าในหนึ่งธุรกิจที่ท่านมีก็อาจจะมีหลายบริการ อย่างนี้ท่านเลือกคนดูแลโซเชี่ยลมีเดียแต่ละบริการอย่างไรบ้างคะ คำตอบที่ได้คือ การเลือกคนที่มีลักษณะบุคคลิกคล้ายคลึงกับแบรนด์นั้นๆ 
ถ้าบริการนั้นเป็นบริการสำหรับเด็ก ก็จะเลือกคนที่มีบุคลิกน่ารักๆ ดูปลอดภัย เป็นต้น 
สำหรับธุรกิจ SME หรือปัจจุบันมีน้องนักศึกษาหลายคนเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ เชื่ือว่าแบรนด์ก็มาจากตัวตนของคุณเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้นใจความของคำตอบที่จะให้คือ 

"โพสต์หรือตอบให้เป็นตัวของคุณเองให้แบรนด์เป็นคุณและ
คุณคือแบรนด์ ให้แบรนด์มีตัวตน
หาจุดเชื่อมโยงหรือลักษณะคล้ายคลึงของคุณกับแบรนด์ออกมา
เพื่อให้แบรนด์มีชีวิต 
เมื่อแบรนด์มีชีวิต กลุ่มเป้าหมายจะกล้าเข้าหาแบรนด์มากขึ้นค่ะ" 


3.แล้วเวลามีคำถามจากfans/followers/หรือแม้แต่ target audience ควรตอบทันทีไหม??

ให้นึกถึงเวลาเราเด็กๆว่าเราถามอะไรพ่อแม่ (ตอนไม่มี google นะคะ) แล้วเราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย 
เวลาเรียนหนังสือแล้วเราสงสัย ถามคุณครูหรืออาจารย์ เราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย 
เราถามเพื่อนว่าเสื้อตัวนี้ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ เราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย
เวลามือถือเราสัญญาหายโทรไป call center เราอยากได้วิธีแกไขทันทีหรือเปล่า 

คำตอบก็คือ 
"ทันทีที่เราสามารถ ตอบคำถามได้ค่ะ ทันทีที่เราสามารถหาทางออกให้กับลูกค้าเราได้ หากไม่สามารถมีวิธีแก้ไขปัญหาให้ได้ทันที ใช้คำสุภาพว่า "รอสักครู่นะคะ จะรีบหาคำตอบ/วิธีแก้ไขให้ทันทีค่ะ" "

และสุดท้าย แต่ไม่มีวันท้ายสุด :) 

รู้จักใช้คำว่า ขอโทษ และขอบคุณ อยู่เสมอๆค่ะ หากคุณทำพลาด ไม่ว่าประการใดก็ขอโทษไว้เถอะค่ะ การยอมรับผิดมันจะสะท้อนว่าเราจริงจังกับfans/followers/target audience มากแค่ไหน

เคสนี้แต่ก่อนเคยทำเพจหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่อง การตลาดละคะ เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว คนคลิกไลค์กันเยอะมาก แต่ก่อนยังเป็น owned and earned media อยู่ ( owned and earned media คืออะไร เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อ) แต่ทำ content ไม่ค่อยทันเพราะมีงานประจำอยู่ ก็แปลข่าวมาแปะบ้างอะไรบ้างโดนตำหนิจาก fans page เราก็ต้องขอโทษนะคะ หรือแม้เพจปัจจุบัน บางครั้งพิมพ์ผิด แฟนเพจจับได้ บอกให้เราแก้ ก็ขอโทษแล้วก็แก้ไขค่ะ พร้อมขอบคุณด้วยเพราะถ้าไม่มีพวกเค้าเราอาจจะผิดซํ้าๆก็เป็นได้ 

อย่างไรก็ตาม ตามหาความเป็นตัวตนของคุณและแบรนด์ให้เจอนะคะ จะลอกเลียนแบบคนอื่นก็ได้
แต่....เดี๋ยวนี้ target audience รับรู้ข้อมูลเยอะนะคะ 
เค้ารู้ว่าเราเลียนแบบใครมา 
ตามหา signature(ลายเซ็น) ของตัวคุณให้เจอ 
และเรื่อง content ก็จะตามมาด้วย 

Monday, March 17, 2014

Monday Updates!!! วิดีโอโฆษณากับช่องทางบนเฟสบุ๊ค

เอาละคะ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมงานกับเพื่อนที่โตด้วยกันมา พูดถึงเพจของธุรกิจอุตสาหกรรมหนึ่ง ว่าเวลาเราจะทำให้เพจนั้นดังขึ้นมาได้ทำอย่างไร สุดท้ายแล้วจบลงที่คำว่า 
signature gimmick ความเป็นตัวคุณ แต่หัวข้อนี้ขอเก็บไว้เขียนในวันพรุ่งนี้ เพราะอยากให้วันจันทร์
เป็น Monday Updates จะได้เตรียมตัวเพื่อวันต่อๆมาของอาทิตย์ค่ะ 
เมื่อเราพูดถึง 1 ใน trend ปี 2014 ก็คือ เทรนของภาพและวิดีโอ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
เฟสบุ๊คก็ได้มีการประกาศว่าจะมีช่องทางการให้โฆษณาโดยใช้วิดีโอเป็นตัวสื่อซึ่งจะ

ภาพ News Feed ณ ปัจจุบัน 


ล่าสุดการประกาศผ่าน Blog Post ของทางเฟสบุ๊ค ได้มีการประกาศแล้วว่ากำลังปล่อยการโฆษณาด้วยวิดีโอ 15 วินาที ออกมาเป็นการทดลองให้กับ user บาง user และกำลังพัฒนาเพื่อให้มีการเปิดตัวออกอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ในช่วงเมษายนที่จะถึงนี้ค่ะ 

ตอนนี้หาก search ใน google อาจจะเจอ บาง site ที่โชว์รูปการโฆษณาผ่านในวิดีโอ ในเฟสบุ๊คบน news feed แต่ขออนุญาตไม่นำมาลงนะคะ ขอให้เป็นสิทธิ์ของเขาดีกว่า ลองจินตนาการกันดูละกันค่ะ ถ้ามีวิดีโอบน news feed เราจะดูกันหรือไม่ :) 

ใน instagram เองก็มี function การถ่ายวิดีโอได 15 วินาที ของเฟสบุ๊คก็เช่นกันยังไงก็ต้องรอติดตาม ทีนี้ละคะ Trend ที่ว่า การสื่อสารผ่านรูปและวิดีโอ จะสร้าง impact หรือไม่ในปี 2014 ต้องคอยติดตามกัน

ขอบคุณบทความข่าวดีๆจาก adweek 
เว็บไซต์โฆษณา ที่ควรติดตามค่ะ