Showing posts with label imsocialbiz. Show all posts
Showing posts with label imsocialbiz. Show all posts

Wednesday, May 14, 2014

CONTENT MARKETING การตลาดเจาะ ทุก Gen




Content Marketing 
การตลาดสำหรับทุก Generation 


ดูเหมือนว่าตอนนี้การทำการตลาดผ่าน social media นั้นจะยากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ไม่ยากเกินตัวนะคะ 
เพียงแต่การแข่งขันสูงมากขึ้น ตามเกณฑ์ของช่องทางที่ง่ายและเร็ว 
เมื่อช่องทางการตลาดไหนง่ายและเร็วแล้ว ช่องทางนั้นก็เปรียบเหมือนบ่อนํ้ามัน
ที่ทุกคนกระโจนเข้าใส่ ไม่ได้เอาตัวเอาไปชุบในนั้นนะคะ แต่กอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากและเร็วที่สุด
ในที่สุดแล้วนํ้ามันที่อยู่ในบ่อนั้นก็สามารถหมดได้ จนทำให้เราต้องไปจ่ายตังค์
หาซื้อบ่อนํ้ามันจากพ่อค้าคนกลางบ้าง พ่อค้ามือที่สามบ้างก็มี 

เพราะฉะนั้นแล้ว บ่อนํ้ามันก็เปรียบเหมือน data base ที่อยู่ในโลกออนไลน์ของเรา
ซึ่งแต่ก่อนนี้การเข้าถึงก็เป็นเรื่องง่ายไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าโฆษณา
ในยุคที่ ใครหลายๆคนยังมีอาชีพเดียว และทำงานอย่างเดียว

ณ ตอนนี้ การค้าขายง่ายขึ้น พี่ๆ social media platform ทั้งหลาย
ก็ปลุกปั้น ข้อมูลรายละเอียดของ target audience กันอย่างขยันขันแข็ง 
เพราะมันมีค่ามหาศาล ทำเงินให้ใครหลายๆคนมานักต่อนัก 

วันนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่อง โฆษณานะคะ 
เราจะพูดถึงเรื่องที่เป็นอาวุธ ไม่ลับ 
เพียงแต่ถ้าใครทำให้อาวุธนี้คมก็จะสามารถทำแต้มต่อทิ้งห่างจาก
คู่แข่งได้อย่างดี 

สิ่งนี้มีมานานแล้ว และก็อยู่รอบตัวเรา เพียงแต่เราไม่มองมันก็เท่านั้นเอง 
นั้นคือ สาร ข้อมูล หรือ เนื้อหาที่คุณนำเสนอให้กับประชาชนภายนอก 
ทั้งที่เป็นกลุ่มเป้าหมายและไม่เป็นกลุ่มเป้าหมาย 

แล้วใครละ จะเอา content มาลงได้ทุกวัน
วันละ 3 เวลา บ้าเปล่า
ก็ไม่บ้านะ จะกี่เวลาก็แล้วแต่เวลาที่ high traffic ในช่องทางของคุณละค่ะ 

มีหลายวิธีที่เคยนำเสนอไปในแฟนเพจแล้วไม่ว่าจะเป็น 
การดูชื่อหนังสือ ต่างๆ นั้นละคะ อยู่ในท้องตลาดมีอยู่ไม่กี่กลุ่มคำที่โดนใจคนอ่าน
และเตะตาให้หยิบขึ้นมาเสมอ ลองเรียนรู้จากมันซิคะ

นอกจากหนังสือแล้วก็ยังมี  magazine........ที่สุดแล้ว ใครทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้ภายใน
1 เดือน 
รับรองคุณจะเป็นเจ้าแห่งการคิด content ให้เตะตาแน่นอน
เอ็มจึงขอ นำเสนอ การลับอาวุธนี้หรือ content marketing
ภายใน 5 นาที ง่ายๆ ทำได้ทุกวัน ภายใต้ 5 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ 


0.5.ไปตามแผงหนังสือ ร้านหนังสือ ทุกครั้งเวลาไปห้างหรือเดินผ่าน
1.กวาดตาดู magazines ที่มีกลุ่มเป้าหมายตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
2.ดู headline หรือหัวข้อพาดหน้าปก สังเกตุดีๆไม่ว่าจะเป็นคำที่ใช้ ภาษาที่ใช้ หรือ หัวข้อที่ใช้ 
3.เปิดเข้าไปดูเนื้อข้างในว่ามีคอลลัมน์อะไรเด็ดๆบ้าง บวกกับการเขียน sub-script หรือรายละเอียดย่อยก่อนเข้าสู่รายละเอียดลึกของเนื้อหาศิลปะการเขียนเกิดจากการอ่านและสังเกตุค่ะ 
4.อ่านเนื้อหาละเอียด คอลลัมน์ไหนที่อ่านแล้วคุณเห็นภาพตาม เข้าใจได้ไม่กี่นาที นั้นละคะ เรียนรู้วิธีเขียนจากผู้เขียน

แต่ไม่ใช่การคัดลอกนะคะ เรียนรู้จากหลายๆแหล่งๆ สุดท้าย ตบด้วยความเป็นตัวคุณ
ถ้าคุณจะลอก ^^ รับและรองว่าไม่เกิด 



Wednesday, March 19, 2014

คุณคือแบรนด์ หรือแบรนด์คือคุณ กันแน่?? บนโลกโซเชี่ยล

มื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนที่รู้จักกันมานานเกี่ยวกับการใช้ social media เพื่อโปรโมทบนอุตสาหกรรมธุรกิจประเภทหนึ่ง ที่สุดแล้ว มาจบตรงคำถามที่ว่า "แล้วเราควรสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าแบบเป็นแบรนด์หรือเป็นตัวเราดีอะ?"




brand&me circle

ในรูปเป็นเฟรมเวิร์คง่ายๆ ที่เรียกว่า Brand&Me Circle ตัวอย่างเช่น Mr.Artist เป็นเจ้าของแบรนด์ "บัวบก ซ่อมใจ" เพื่อค้นหาคำตอบว่าการโพสต์หรือการตอบควรเป็น Brand or My style เอ็มจึงขออธิบายง่ายๆเลยละกันค่า หากใครไม่มีเวลาอ่านแค่ไฮไลท์ก็เป็นประโยชน์เหมือนกันนะคะ :)

โพสต์นี้คงไม่อ้างอิงอะไรนอกจากประสบการณ์ที่ผ่านมาค่ะ แต่ก่อนนี้ เวลาจะโพสต์อะไรผ่านเพจของบริษัท หรือเพจ community อื่นๆ ก็คิดเยอะแยะว่าเราต้องคงฟอร์มของแบรนด์ไว้ ไม่เล่นกับกลุ่มเป้าหมายจนเกินไป ถือตัวไว้หน่อยคงจะดี

ความจริงแล้ว ความคิดเช่นนั้นเป็นความคิดที่....ไม่ถูกและไม่ผิด แต่มันไม่เวิร์ค เพราะกลับกลายเป็นว่า เราไม่สามารถ สร้าง engagement ให้กับ กลุ่มเป้าหมายใหม่ และลูกค้าเดิมได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่เราควรจะทำขั้นแรกคือ

1.เราควรโต้ตอบกับfans/followers/target audience ไหม ?

คำตอบที่จะให้คือ
"โต้ตอบกับ target audience เพื่อให้เป็นการสื่อสารจากทั้งสองฝั่ง
เพราะ โซเชี่ยลมีเดีย เป็นการสื่อสารระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย ทั้งแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายเป็นได้ทั้งผู้สื่อ และ ผู้รับสารค่ะ" 

2. คำถามต่อไป คือ "โอเค โต้ตอบแล้ว เวลาโพสต์กับโต้ตอบ เราต้องเป็นแบรนด์หรือเราอะ" 

คำตอบที่จะให้คือ : แบรนด์คือเรา เราคือแบรนด์ เอ็มเคยถามผู้บริหารที่อยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงท่านหนึ่งว่าในหนึ่งธุรกิจที่ท่านมีก็อาจจะมีหลายบริการ อย่างนี้ท่านเลือกคนดูแลโซเชี่ยลมีเดียแต่ละบริการอย่างไรบ้างคะ คำตอบที่ได้คือ การเลือกคนที่มีลักษณะบุคคลิกคล้ายคลึงกับแบรนด์นั้นๆ 
ถ้าบริการนั้นเป็นบริการสำหรับเด็ก ก็จะเลือกคนที่มีบุคลิกน่ารักๆ ดูปลอดภัย เป็นต้น 
สำหรับธุรกิจ SME หรือปัจจุบันมีน้องนักศึกษาหลายคนเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ เชื่ือว่าแบรนด์ก็มาจากตัวตนของคุณเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้นใจความของคำตอบที่จะให้คือ 

"โพสต์หรือตอบให้เป็นตัวของคุณเองให้แบรนด์เป็นคุณและ
คุณคือแบรนด์ ให้แบรนด์มีตัวตน
หาจุดเชื่อมโยงหรือลักษณะคล้ายคลึงของคุณกับแบรนด์ออกมา
เพื่อให้แบรนด์มีชีวิต 
เมื่อแบรนด์มีชีวิต กลุ่มเป้าหมายจะกล้าเข้าหาแบรนด์มากขึ้นค่ะ" 


3.แล้วเวลามีคำถามจากfans/followers/หรือแม้แต่ target audience ควรตอบทันทีไหม??

ให้นึกถึงเวลาเราเด็กๆว่าเราถามอะไรพ่อแม่ (ตอนไม่มี google นะคะ) แล้วเราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย 
เวลาเรียนหนังสือแล้วเราสงสัย ถามคุณครูหรืออาจารย์ เราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย 
เราถามเพื่อนว่าเสื้อตัวนี้ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ เราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย
เวลามือถือเราสัญญาหายโทรไป call center เราอยากได้วิธีแกไขทันทีหรือเปล่า 

คำตอบก็คือ 
"ทันทีที่เราสามารถ ตอบคำถามได้ค่ะ ทันทีที่เราสามารถหาทางออกให้กับลูกค้าเราได้ หากไม่สามารถมีวิธีแก้ไขปัญหาให้ได้ทันที ใช้คำสุภาพว่า "รอสักครู่นะคะ จะรีบหาคำตอบ/วิธีแก้ไขให้ทันทีค่ะ" "

และสุดท้าย แต่ไม่มีวันท้ายสุด :) 

รู้จักใช้คำว่า ขอโทษ และขอบคุณ อยู่เสมอๆค่ะ หากคุณทำพลาด ไม่ว่าประการใดก็ขอโทษไว้เถอะค่ะ การยอมรับผิดมันจะสะท้อนว่าเราจริงจังกับfans/followers/target audience มากแค่ไหน

เคสนี้แต่ก่อนเคยทำเพจหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่อง การตลาดละคะ เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว คนคลิกไลค์กันเยอะมาก แต่ก่อนยังเป็น owned and earned media อยู่ ( owned and earned media คืออะไร เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อ) แต่ทำ content ไม่ค่อยทันเพราะมีงานประจำอยู่ ก็แปลข่าวมาแปะบ้างอะไรบ้างโดนตำหนิจาก fans page เราก็ต้องขอโทษนะคะ หรือแม้เพจปัจจุบัน บางครั้งพิมพ์ผิด แฟนเพจจับได้ บอกให้เราแก้ ก็ขอโทษแล้วก็แก้ไขค่ะ พร้อมขอบคุณด้วยเพราะถ้าไม่มีพวกเค้าเราอาจจะผิดซํ้าๆก็เป็นได้ 

อย่างไรก็ตาม ตามหาความเป็นตัวตนของคุณและแบรนด์ให้เจอนะคะ จะลอกเลียนแบบคนอื่นก็ได้
แต่....เดี๋ยวนี้ target audience รับรู้ข้อมูลเยอะนะคะ 
เค้ารู้ว่าเราเลียนแบบใครมา 
ตามหา signature(ลายเซ็น) ของตัวคุณให้เจอ 
และเรื่อง content ก็จะตามมาด้วย 

Saturday, March 15, 2014

คุณภาพ VS ปริมาณ อันไหนดีกว่ากัน?

วันนี้ช่วงเช้าเป็นช่วงที่ได้แบ่งปันประสบการณ์และความรู้ให้กับ ผู้เข้าร่วมสัมมนาการตลาดผ่าน social media ที่บริษัทเอ็มจัดขึ้นค่ะ สัมมนาฟรี แต่ก็ไม่เคยแบ่งปันอะไรแบบมั่วๆนะคะ ทุกครั้งที่สอนก็จะได้ประสบการณ์กับไปทุกครั้ง 





อย่างวันนี้มีหลายหัวข้อที่ได้แบ่งปัน และ discuss กับผู้เข้าร่วมสัมมนานี้หลายหัวข้อแต่มีอยู่หัวข้อหนึ่งที่เอ็มว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำธุรกิจใน social media platform เลยก็ได้ ที่

ว่าเราควรซื้อไลค์เยอะๆ หรือไม่ ถ้าไม่เพราะอะไร .... 




ความจริงแล้วการมีไลค์ แฟนเพจ หรือผู้ติดตามเยอะๆ เป็นสิ่งที่ดีนะคะ เพียงแต่ว่า
หากแฟนเพจเหล่านั้นเป็นแฟนเพจเชิง คุณภาพมากกว่าปริมาณ ก็จะดีมากมากกว่าปริมาณที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเราเลย  
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรทำคือ เราควรรู้กลับไปสู่จุดที่เริ่มต้นคือ


1.ธุรกิจของเราคือธุรกิจอะไร ธุรกิจสินค้า หรือ ธุรกิจบริการ

2.และสินค้าหรือบริการคืออะไร มีลักษณะเด่นอย่างไรบ้าง

3.กลุ่มเป้าหมาย หรือบุคคลที่เราต้องการให้เค้าเป็นลูกค้าคือใครภาษาการตลาดเรียกว่า target market ค่ะ 





หลังจากนั้นก็แตกออกมาว่าเราสามารถทำแคมเปญอะไรได้บ้าง
1. พูดให้ภาพเข้าใจง่ายๆก็คือ เราให้เทคนิค เรื่อง content อย่างไรได้บ้างเพื่อดึงดูดให้ แฟนเพจดึงแฟนเพจเข้ามา 
2.แล้วเราจะจัดกิจกรรมอะไรได้อีก นี่คือเรื่อง 2 C แล้วคือ content กับ contest 
3.และหากเรารู้ ลักษณะ กลุ่มเป้าหมายมากขึ้นเราจะรู้ว่าช่วงเวลาไหนเราจะสามารถ โพสต์และเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านั้นมากที่สุด
4.เราจะยิงโฆษณายังไงให้ถึงตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด 

3 คำถามง่ายๆ 4 เทคนิคต่อเนื่อง ที่หากเราตอบได้ชัดเจน เราจะรู้ว่า เราสามารถ เพิ่ม follow ได้อย่างไร จากที่ไหนบ้าง เทคนิคต่างๆบนโลกนี้มีมากมายค่ะ เอ็มชอบคำพูดของผู้เข้าร่วมคนหนึ่งที่บอกว่าในโลก digital ไม่มีใครเก่งที่สุด เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปทุกวัน เราต้องพัฒนาความรู้ให้มากขึ้นทุกวัน 

สรุปก็คือ ทั้ง คุณภาพและปริมาณ สำคัญควบคู่ไปด้วยกัน แต่หากเรานำคุณภาพนำร่องมาก่อน ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเพิ่มปริมาณเชิงคุณภาพแล้วละคะ :) 

Thursday, December 19, 2013

คริสมาสต์...การให้...กับโซเชี่ยลมีเดีย (Christmas+Give+Social Media) = A better world






ปี 2013 ที่ผ่านมาโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงมากมายไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ถ้า ณ วันนี้เราคงบอกว่าสภาพอากาศกรุงเทพฯเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี แต่ถ้าย้อนกลับไปดู และมองออกไปดูโลกของคนอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกรุงเทพแล้ว ปีที่ผ่านมา มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์กระทบกระเทือน ทั้ง ทุนทรัพย์ จิตใจ ร่างกาย และชีวิต ของคนหลายๆคน ใกล้คริสมาสต์ปีนี้ เอ็มขอหยิบประเด็นของ Viral Marketing (Viral แปลว่า กระแส ,Marketing แปลว่า การตลาด) การสร้างกระแสก็เป็นส่วนหนึ่งของการตลาด  บวกกับเทรนด์ในปี 2014 นี้ Video จะเป็นที่นิยมกันมากขึ้น บอกเปรยๆว่า ทางเฟสบุ๊คก็เริ่มปล่อยให้ทำโฆษณาเป็นวิดีโอแล้ว ถ้าคอนเฟิร์มอย่างไรจะบอกอีกทีนะคะ



กรณีตัวอย่างสำหรับวันนี้คือ วิดีโอที่ทำขึ้นมาเพื่อโปรโมทหนัง เรื่อง "The Secret Life of Walter Mitty"
Casey Neistat นักทำหนังชาวอเมริกัน ได้รับอีเมลล์จาก เอเจนซี่โฆษณาเจ้าใหญ่ที่รับงานมาจาก 20 century fox อีกทีให้ทำหนังสั้นเพื่อสร้างกระแสให้กับหนังเรื่อง "The Secret Life of Walter Mitty" อีกที คอนเซปต์คือ Live your dream หรือทำตามฝันของคุณ  หนังสั้นสร้างกระแสให้ผู้คน กล้าทำในสิ่งไม่เคยทำมาก่อนเลยในชีวิตและทำอย่างที่เคยฝันไว้

20 century fox ตอบรับเงื่อนไขรูปแบบวิดีโอนี้ค่ะ

ด้วยงบประะมาณ 25,000 ดอลล่าร์ หรือเป็นเงินไทยคือ 800,000 บาท คุณ Casey จึงสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ วิดีโอหนังสั้นโดยใช้เงินทั้งหมด 800,000 บาทเพื่อช่วยผู้ประสบภัยไต้ฝุ่น ในฟิลลิปปินส์ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทุกผ่านทุกสตางค์ ใช้ไปกับถุงยังชีพที่ นำไปบริจาคค่ะ วิดีโอ ไม่ได้พูดถึงตัวละครของหนัง แต่วิดีโอ ทำให้เรารู้จักชื่อของหนัง ผ่านกระแสนี้ กระแสทางบวก การช่วยเหลือผู้อื่นผ่านสิ่งที่คุณต้องการทำตามความฝันของคุณได้ 


"What would you do with $25,000" ชมได้เลยค่ะ





คิด สร้างกระแสเชิงบวก และลงมือทำค่ะ ผลจะกลับมาหาคุณไม่ช้าก็เร็ว
Merry Pre-Christmas ค่ะ