Tuesday, January 28, 2014

จะโพสต์อะไรดี? คำถามที่เกิดขึ้นบ่อยสำหรับ sme ที่เลือกใช้ social media เป็นช่องทางการทำการตลาด



เราควรโพสต์อะไรดี จะถูกใจ กลุ่มเป้าหมาย?

คำถามนี้เจอบ่อยครั้งทั้งในคลาสที่สอน เวลาให้คำปรึกษาธุรกิจต่างๆ หรือแม้แต่กับตัวเองค่ะ 
ไม่ต้องกังวลไป การคิดไม่ออกเป็นเรื่องปกติ แต่เราต้องกลับไปเริ่มต้นวางแผนเพื่อให้มีความสมํ่าเสมอในการโพสต์และการสานสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายหรือ fan page ของเราค่ะ สิ่งที่เราต้องกลับไปทบทวนคือ

1.ธุรกิจของเรา คือธุรกิจอะไร ให้ประโยชน์อะไรกลับไปกับกลุ่มเป้าหมายได้บ้าง
2.แบรนด์เรา มีลักษณะบุคคลิกของแบรนด์อย่างไร 
3.กลุ่มเป้าหมายของเรา มีลักษณะและพฤติกรรมอย่างไรบ้าง




หลังจากนั้นลองผสมผสานกับสิ่งรอบตัว เพื่อคิด theme ใหญ่ ที่เปรียบเหมือน ร่มคันใหญ่ และสามารถแตกหัวข้อการโพสต์ออกมาได้เป็นรายอาทิตย์ รายวัน และรายชั่วโมง 

ตัวอย่างเช่นแผนสำหรับการโพสต์เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก เรานำสิ่งที่ แบรนด์ของเรามี บวกกับตีมประจำเดือนและบวกกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ หลังจากนั้นนำโจทย์มาหาข้อมูลต่างๆ เพื่อโพสต์ตามประเภทดังรูป อาทิเช่น รูปภาพ ลิ้งค์จากเว็บไซต์ที่ให้ความรู้ดีๆ บทความ สุดท้ายคือการขายหรือโปรโมชั่น เอ็มเคยพูดถึงเรื่องกฏ 80+20 ไปว่า 80% การโพสต์ ให้เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยว และเกี่ยวแบบอ้อมๆสำหรับการขาย อีก 20% ให้เป็นเรื่องของการขาย 

การแตก ตีมเช่นนี้นำมาบวกกับ 3E หรือ 3 ให้ ที่เคยว่าไว้คือ ให้ความรู้ ให้ความบันเทิง ให้แรงบันดาลใจ 
แหล่งข้อมูลสำหรับการโพสต์ก็จะไม่ซํ้าไม่น่าเบื่อหน่าย ถ้าเปรียบเพจของเราเป็นคนแล้ว ก็จะเป็นคนที่คุยสนุก ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ  

สำหรับคนที่ต้องการทำ blog หรือคนที่มี website เราสามารถสร้าง traffic ได้หลายช่องทางหากเราใช้ twitter ข้อความควรเป็นพาดหัวข่าว เนื่องจากจำกัดจำนวนตัวอักษร หากเป็น facebook ควรเป็นพาดหัวข่าวบวกกับเนื้อหาโดยย่อผสมกับ link ที่จะนำ กลุ่มเป้าหมายให้เข้าสู่เว็บไซต์ หรือ blog ของเรา เราสามารถใช้ forum หรือกระทู้เพื่อสร้าง traffic บวกกับ social media ช่องทางอื่นๆ อย่างที่ยกตัวอย่างมาค่ะ ปีนี้ video marketing มาแรงเอ็มว่ามาแรงนะคะ ถ้าใช้ถูกใช้เป็นสร้างวิดีโอให้ดึงดูดเป็น 

เทคนิคในโพสต์วันนี้น่าจะช่วยให้ใครหลายๆคนแก้ไขปัญหาเรื่องการโพสต์ได้ไม่มากก็น้อย ยังไงคอยติดตามในโพสต์ครั้งต่อไปดูนะคะ ว่าจะมีเทคนิคอะไรมาฝากอีก 

:) 


Monday, January 13, 2014

Content Marketing : ข้อความที่คุณต้องการสื่อออกไป




หลังจาก blog ที่แล้วพูดถึงเลือกการใช้ social media เมื่อเลือกได้แล้ว เราได้พูดถึงการดู กลุ่มเป้าหมายของเรา และสินค้าของเราว่าจะใช้ social media เครื่องมือไหน  
content marketing ก็เช่นเดียวกันค่ะ เราต้องดูกลุ่มตลาดของเราว่าเราควรนำเสนอสารอย่างไรบ้าง เรื่องอะไรบ้าง และนำเสนอในรูปแบบไหน 
อ่าน เห็น ได้ยิน ประสาทสัมผัสหลักๆผ่าน social media 


content marketing : content คือ เนื้อหา เนื้อเรื่อง ข้อมูล สารที่เราต้องการนำเสนอ ผ่านสัมผัสหลักๆ อยู่ 2 อย่างหากเราพูดถึงตัว social media คือ 1 การอ่าน การมองเห็นทางสายตา 2 การได้ยินเสียงผ่านหูทั้งสองข้าง การนำเสนอเรื่องราวต่างๆผ่าน content marketing จึงเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะถือเป็นสารที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมาย มองเห็น รู้จัก เข้าใจ และผูกสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณ 

content marketing ก็จัดได้ว่าถูกดำเนินมานานหลายปีแล้วคู่กับการทำการตลาด ตั้งแต่ยุคสมัยของออฟไลน์ที่มี นิตยสาร โทรทัศน์ วิทยุ เพียงแต่เรานำเนื้อหาเหล่านั้นเปลี่ยนช่องทางการสื่อสารมาเป็น social media แต่ไม่ใช่การนำเนื้อหาอะไรก็ได้มา สื่อ กับกลุ่มเป้าหมายให้รู้จักกับแบรนด์เรา 

หลักๆแล้วขั้นตอนแรกสามารถ แตกลักษณะของกลุ่มเป้าหมายของเราออกมาว่าเป็นคนลักษณะไหน อายุเท่าไหร่ ใช้ชีวิตอย่างไร คิดอย่างไร และเราก็เสนอเรื่องราว หรือ สาร ผ่าน social media ให้เหมือนกับเพื่อนที่มีลักษณะเดียวกันกับกลุ่มเป้าหมาย ได้เป็นคนทำหน้าที่สื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าใจแบรนด์ของคุณยิ่งขึ้น 

หลังจากนั้น แตกประเด็นค่ะ :) หลักการง่ายๆขั้นต้น คือ 

1.เนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับการขาย
2.เนื้อหาที่เกี่ยวกับการขาย 

เราจะใช้กฏ 80:20 เป็นกฏที่ใช้กันบ่อยๆ ก็ยังใช้ได้อยู่ค่ะ ปัจจุบันคนเราชอบรับข้อมูลต้านๆคือต้องการเป็นผู้รับมากกว่าผู้ให้เพราะฉะนั้นแล้วแบรนด์ก็ต้องเป็นเพื่อนที่ให้ค่ะ ใส่ใจในรายละเอียดของผู้ที่รับ ให้ให้ให้ ให้ข้อมูลต่างๆ ที่อาจจะไม่เกี่ยวกับการขายเลย แต่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับแบรนด์และสินค้าของคุณทางอ้อม โดยใช้หลักการ


framework แบบง่ายๆสำหรับ content marketing เบื้องต้น



ให้ 3 หลัก คือ
1.ให้ความรู้ 
ให้ความรู้ในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน 
2.ให้ความบันเทิง
ให้ความบันเทิงในเรื่องต่างๆ เหมือนเป็นเพื่อนที่สามารถเล่าเรื่องที่อ่านแล้วสบายใจที่จะอ่าน หรือสนุกเวลาอ่าน 
3.ให้แรงบันดาลใจ 
ให้กำลังใจเมื่อกลุ่มเป้าหมายต้องการ

ลองวิเคราะห์และเขียนออกมาเบื้องต้นก่อนนะคะ ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร ต้องการอะไร แล้วเราต้องการสื่ออะไร แล้วเราจะให้ 3 ให้ข้อมูลได้อย่างไรบ้าง เดี๋ยว blog ต่อไปเอ็มจะเอา framework ที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับ content marketing มาให้ดูกันค่ะ ยังไงก็เอาใจช่วยกับใครหลายๆคนที่กำลังใช้ social media เป็นเครื่องมือทำการตลาดสำหรับธุรกิจด้วยนะคะ 


Friday, January 3, 2014

Social Media Channel เลือกใช้ช่องทางที่ให้คุณภาพ ดีกว่าหลายช่องทางแต่ไม่ได้คุณภาพเลย

หลายครั้งที่เอ็มมีโอกาสได้แบ่งปันความรู้เรื่อง social media โดยเน้นหนักไปเรื่อง Facebook Marketing และ Content Marketing ไม่ได้เน้นหนักให้กับช่องทางอื่นๆ เท่าไหร่ เนื่องจากเหตุผลที่ว่า สถิติประชากรบนเฟสบุ๊คมาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งสถิติโลก และสถิติของในประเทศเราเอง

แต่เหตุผลหลักที่สำคัญเป็นเพราะ ฟังก์ชั่นการใช้งานของเฟสบุ๊ค  ฟังก์ชั่นการใช้งานของเฟสบุ๊คมีครบครัน ตามที่ต้องการสำหรับการสื่อสารบนโลกออนไลน์ แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้โซเชี่ยลมีเดียช่องทางใด สิ่งแรกที่ควรทำคือการวิเคราะห์รูปแบบธุรกิจของคุณค่ะ ว่าแท้จริงแล้ว ธุรกิจของคุณเป็นประเภทไหน สินค้าเป็นประเภทไหน รวมถึงลักษณะของสินค้าที่ต้องการสื่อให้ถึงลูกค้า เชื่อมต่อไปถึงการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก จนกระทั่งสิ่งที่ธุรกิจส่วนใหญ่ต้องการคือ ยอดขาย




การวิเคราะห์รูปแบบธุรกิจที่เริ่มจาก
1.ธุรกิจรูปแบบสินค้า ที่จับต้องได้ เคลื่อนที่ได้ เป็นรูปธรรม สื่อที่สื่อออกมาสามารถเน้นหนักได้ที่รูปภาพ content สามารถ สื่อผ่านรูปภาพได้ ไม่จำเป็นต้องบรรยายถึงบรรยากาศ มากนัก โซเชี่ยลมีเดียที่ใช้และมักได้ผล จึงเป็นโซเชี่ยลมีเดียที่สามารถ สื่อผ่านรูปภาพได้ ภายในไม่กี่วินาที

2.ธุรกิจบริการ อาศัย ประสบการณ์ ความรู้สึก การบอกต่อ เพราะจับต้องไม่ได้ เคลื่อนที่ไม่ได้ เกิดจากการบริการ ทำให้สารที่ต้องการสื่อออกไปควรเป็นสารที่ประกอบด้วย ภาพ เสียง การเคลื่อนไหว รายละเอียด ข้อมูล เรื่อง content ก็จะซับซ้อนไปอีกรูปแบบหนึ่ง

ทั้งนี้ทั้งนั้น ธุรกิจทั้งสองอย่างยังอาศัย การสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างแบรนด์และผู้ติดตาม ลูกค้า ผู้มุ่งหวังเพื่อให้เลื่อนลำดับขั้นจากผู้ติดตาม เป็นผู้ชื่นชอบ ประทับใจในแบรนด์ และสุดท้ายก็รักแบรนด์สุดหัวใจ หรือ บางที่เรียกว่า การสร้าง engagement สำหรับเอ็มเองคือการสร้าง super fans ให้กับแบรนด์ของคุณ










เรากลับมาเรื่องของเฟสบุ๊ค สำหรับเอ็มแล้ว เฟสบุ๊คเป็นพื้นฐานโซเชี่ยลมีเดีย ที่จะสามารถทำให้เราเข้าใจโครงสร้างของ social network มากขึ้น ขอบคุณ infographic ดีๆ จาก infographics.sg และ  edge ที่สร้าง เฟรมเวิร์คนี้มาเพื่อให้เข้าใจว่าฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละโซเชี่ยลมีเดียเป็นยังไงบ้าง สรุปแล้ว เฟสบุ๊คสามารถ ช่วยคุณสื่อสารโดยใช้เครื่องมือสื่อที่ค่อนข้างครบ มีทั้งรูปภาพ วิดีโอ บทความ กิจกรรม เรื่องราวต่างๆ ณ ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่เคยสนใจ social media อื่นๆ แต่หมายถึง การเริ่มต้นใช้ social media โดยใช้เฟสบุ๊คแฟนเพจ จะทำให้คุณเข้าใจหลักของ social media มากขึ้น และนำไปสู่การเรียนรู้ social media อื่นๆด้วยค่ะ


  :) 




Thursday, January 2, 2014

Stop Dreaming:Start Living :The secret life of Walter Mitty

หายไปพักใหญ่เพราะไปเตรียมแผนการตลาดให้กับบริษัท พร้อมเตรียมข้อมูลที่จะแบ่งปันให้
กับหลายๆคน และองค์กรหลายๆองค์กรได้ใช้เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการทำการตลาดกันค่ะ
หยุดปีใหม่ที่ผ่านมาจึงไม่ค่อยมีเวลาไปเที่ยวไหนเหมือนคนอื่น แต่พอได้พักผ่อนก็หาเวลาไปดูหนัง
ที่ครั้งที่แล้วเอ็มเอาเรื่อง viral marketing มาพูดถึง หนังเรื่องนั้นคือ

The Secret Life of Walter Mitty 

กำกับและแสดงโดย Ben Stiller ค่ะ 

วันนี้จะไม่ สปอยล์หนังใดๆทั้งสิ้นแต่เอาเป็นว่าดูหนังเรื่องนี้แล้วได้แรงบันดาลใจมากหลังจากออกจากโรง
ไม่ใช่หนังอลังการ แฟนตาซี แต่เป็นหนังสะท้อนหลายสิ่งที่อยู่ในตัวคนหลายๆคน 

สำหรับเอ็มแล้วย้อนกลับไปมอง video marketing ที่ถูกปล่อยมา 

ซึ่งตอนนี้มียอด view ประมาณ 1 ล้าน 7 แสน  view 
ถึงแม้ว่าเราจะรู้หลักการตลาด แต่เราก็มักจะคล้อยตามเทคนิคการตลาดเสมอ 

เพราะ clip นี้เอ็มจึงไปดูหนังค่ะ ปีใหม่นี้หลายคนตั้งเป้าหมายจะทำอย่างนู้นจะทำอย่างนี้
เอ็มก็เช่นเดียวกัน ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่หลายครั้ง แต่ความตั้งใจก็เพิ่มขึ้นหลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้
และถึงแม้อาจจะไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการถ่ายภาพมากหนักแต่เอ็มชอบภาพที่ออกมาในเรื่องนี้มันประกอบออกมาทำให้หนังสื่อถึงเราได้เหมือนจริง 




อยากให้ทุกคน ลองทำสิ่งที่ตัวเองอย่างทำดูสักครั้ง แล้วเราจะรู้สึกมั่นใจกับตัวเองมากขึ้น สิ่งที่ได้จากหนังเรื่องนี้บอกแล้วนะคะ ไม่ได้ สปอยล์แต่อยากแบ่งปันว่าได้อะไรบ้าง :)
1.ความคิดใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอตอนเรามีทรัพยากรจำกัด เวลาจำกัดและมีเป้าหมายที่ชัดเจน

2.คนที่ลงมือทำเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ชัดเจนไม่ได้มองลู่ของคนอื่น จะเป็นผู้ชนะใจตัวเองเสมอ

3.ชีวิตเป็นสิ่งสวยงาม มีความฝัน ลงมือทำ เพราะเวลาไม่เคยคอยใคร 

อาจเคยพบเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อน แต่น้อยนักที่จะพบคนลงมือทำได้อย่างจริงจัง


Stop Dreaming
Start Living 

แม้ว่าการเขียน โพสวันนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับ social media marketing มากนัก แต่ก็เป็นสิ่งดีๆที่อยากแบ่งปันนะคะ 

To see the world.things dangerous to come to
to see behind walls
draw closer;
to find each other,and to feel;
that is the purpose of life
"The secret life of Walter Mitty" 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ 
:) 


Thursday, December 19, 2013

คริสมาสต์...การให้...กับโซเชี่ยลมีเดีย (Christmas+Give+Social Media) = A better world






ปี 2013 ที่ผ่านมาโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงมากมายไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ถ้า ณ วันนี้เราคงบอกว่าสภาพอากาศกรุงเทพฯเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี แต่ถ้าย้อนกลับไปดู และมองออกไปดูโลกของคนอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกรุงเทพแล้ว ปีที่ผ่านมา มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์กระทบกระเทือน ทั้ง ทุนทรัพย์ จิตใจ ร่างกาย และชีวิต ของคนหลายๆคน ใกล้คริสมาสต์ปีนี้ เอ็มขอหยิบประเด็นของ Viral Marketing (Viral แปลว่า กระแส ,Marketing แปลว่า การตลาด) การสร้างกระแสก็เป็นส่วนหนึ่งของการตลาด  บวกกับเทรนด์ในปี 2014 นี้ Video จะเป็นที่นิยมกันมากขึ้น บอกเปรยๆว่า ทางเฟสบุ๊คก็เริ่มปล่อยให้ทำโฆษณาเป็นวิดีโอแล้ว ถ้าคอนเฟิร์มอย่างไรจะบอกอีกทีนะคะ



กรณีตัวอย่างสำหรับวันนี้คือ วิดีโอที่ทำขึ้นมาเพื่อโปรโมทหนัง เรื่อง "The Secret Life of Walter Mitty"
Casey Neistat นักทำหนังชาวอเมริกัน ได้รับอีเมลล์จาก เอเจนซี่โฆษณาเจ้าใหญ่ที่รับงานมาจาก 20 century fox อีกทีให้ทำหนังสั้นเพื่อสร้างกระแสให้กับหนังเรื่อง "The Secret Life of Walter Mitty" อีกที คอนเซปต์คือ Live your dream หรือทำตามฝันของคุณ  หนังสั้นสร้างกระแสให้ผู้คน กล้าทำในสิ่งไม่เคยทำมาก่อนเลยในชีวิตและทำอย่างที่เคยฝันไว้

20 century fox ตอบรับเงื่อนไขรูปแบบวิดีโอนี้ค่ะ

ด้วยงบประะมาณ 25,000 ดอลล่าร์ หรือเป็นเงินไทยคือ 800,000 บาท คุณ Casey จึงสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ วิดีโอหนังสั้นโดยใช้เงินทั้งหมด 800,000 บาทเพื่อช่วยผู้ประสบภัยไต้ฝุ่น ในฟิลลิปปินส์ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทุกผ่านทุกสตางค์ ใช้ไปกับถุงยังชีพที่ นำไปบริจาคค่ะ วิดีโอ ไม่ได้พูดถึงตัวละครของหนัง แต่วิดีโอ ทำให้เรารู้จักชื่อของหนัง ผ่านกระแสนี้ กระแสทางบวก การช่วยเหลือผู้อื่นผ่านสิ่งที่คุณต้องการทำตามความฝันของคุณได้ 


"What would you do with $25,000" ชมได้เลยค่ะ





คิด สร้างกระแสเชิงบวก และลงมือทำค่ะ ผลจะกลับมาหาคุณไม่ช้าก็เร็ว
Merry Pre-Christmas ค่ะ

Monday, December 16, 2013

Creativity : ปัญหา + ทรัพยากรที่มีจำกัด = ความคิดสร้างสรรค์

Create + Activity 
=
Creativity 

วันนี้มีโอกาสได้ฟังบรรยายของคุณ ธนา เธียรอัจฉริยะ 
ผู้ที่เป็นหนึ่งในผู้สร้างตำนานใหม่ให้กับ Happy Dtac

แบรนด์ยิ้มๆ ดูมีความสุข 
การบรรยายครั้งนี้เป็นการบรรยายที่มีหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องความคิดสร้างสรรค์ โดยช่วงต้นคุณธนาได้บรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวของคุณธนาเอง ความเป็นมาในสายอาชีพ จากอาชีพ Flight Attendant หรือ สจ๊วต ของสายการบินแห่งหนึ่งในสหรัฐ อเมริกา หลังจากนั้นได้ทำสายอาชีพทางการเงิน และเข้าสู่ DTAC ต่อด้วยสายการตลาดแบรนด์อื่นๆ จนกระทั่งประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นหนึ่งในผู้สร้าง สถาบันความคิดสร้างสรรค์ หรือ Academy of Business Creativity ขึ้นมา




ตัวเอ็มเองเคยได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่คุณธนาเขียน รู้สึกประทับใจแนวคิดบวกของคุณเขามาก วันนี้ยิ่งได้เข้าใจว่า ความคิดสร้างสรรค์ในนิยามของคุณธนานั้น คือการที่เราเจอปัญหา บวกกับ ทรัพยากรที่มีจำกัดทำให้ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้น ยิ่งทำให้เกิดแรงบันดาลใจหลายๆอย่างขึ้นไปอีก 

ตัวอย่างที่คุณธนานำมาแบ่งปันมีหลายอย่างมากแต่ที่ประทับใจที่สุด คือ แคมเปญของ การรถไฟในเมืองหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ มีชื่อแคมเปญว่า
"Dumb Way to Die" 

สาเหตุคือ มีคนหลายคนที่เดินไม่ดู ทางแล้วผลัดตกลงไปรางรถไฟบ่อยมากทำให้เกิดการเสียชีวิตเกิดขึ้น 
ด้วยทุนที่มีจำกัด ทำให้เกิด แคมเปญที่ชื่อว่า "Dumb Way to Die" 


เอ็มคิดว่าหลายคนอาจจะ รู้จัก แคมเปญนี่แล้ว หากใครยังเคยชมลองชมดูเลยค่ะ




ความคิดคือ การสร้างสิ่งที่ต้องฟัง กลายเป็นสิ่งที่น่าฟัง แคมเปญนี่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเพราะความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดจาก ปัญหาบวกกับทรัพยากรที่มีจำกัดละคะ

สรุปคร่าวๆ ความคิดสร้างสรรค์ เกิดขึ้นได้ถ้า

1.เราชอบและรักในสิ่งที่ทำ จะทำให้เกิดความสุข
2.ความพยายาม และความอดทนคือ พรสวรรค์
3.การมีสมาธิ และใจจดจ่อ จะทำให้ภาพความสำเร็จชัดขึ้น
4.การทดลองทำเมื่อผิดพลาด แก้ไข

ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนอาจจะทราบแล้ว แต่วันนี้สิ่งที่คุณธนาพูด คือสิ่งที่คุณธนาเคยผ่านมาจริง หลายคนทราบแต่ไม่เคยทำจริง ไม่ว่าวันนี้เราจะทำการตลาดผ่าน offline หรือ online หลักการ 4 ข้อนี้ก็ใช้ได้เสมอ หวังว่าบทความวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนไม่มากก็น้อยนะคะ

แค่คุณเปลี่ยนมุมมอง ความคิดก็เปลี่ยนแล้วค่ะ 

:) 

Friday, December 13, 2013

# Hashtag แฮชเเท็ก ยอดฮิตใน Instagram


Photo Credit : Steamfeed.com 

การใส่เครื่องหมาย Hashtag หรือที่เราเคยพูดว่าเครื่องหมายสี่เหลี่ยมบนแป้นกดโทรศัพท์ของเรานั้น 
สำหรับ social media แล้วการ Hashtag มีต้นต่อที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนในโลกของ Twitter การส่งข้อความสั้นๆ เร็ว แต่แพร่กระจายได้กว้างมาก หลังจากนั้นเมื่อ Application Instagram เข้ามาก่อน Hashtag ก็ถูกใช้มากขึ้นไปอีก สำหรับเฟสบุ๊คเองมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมาแม้ว่าอาจจะมีเสียงบอกกันว่ามันไม่ประสบความสำเร็จ แต่ว่าใจเย็นๆนะคะ ให้โอกาสเค้าหน่อย มันเริ่มจะเห็นผลสำหรับการจัดประเภทของข้อมูลทางการตลาดมากขึ้น 

Hashtag มีประโยชน์มากสำหรับการสื่อสาร เราสามารถจัดประเภทสินค้าของเรา รูปภาพ และเรื่องราวของเราได้โดยการใส่ #  หรือ Hashtag นำหน้า เผื่อเวลาที่ค้นต้องการค้นหาผลงานของเราเรื่องราวของเราไล่ไปตั้งแต่ปัจจุบันถึงอดีตแล้วมีผลงานอย่างไรบ้าง 

อย่างเช่นเอ็มมี Hashtag ที่สำคัญเรื่องงานใน instagram เอ็มจะจัด Hashtag ว่า




#themprojectyear1 เมื่อ ค้นหา keyword หรือคำที่เป็นคำสำคัญเช่นนี้แล้วก็จะเจองานที่เอ็มผ่านมา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน บางครั้ง การเพิ่มความสนใจ หรือสร้างการมองเห็นให้มากขึ้น อาจใช้ Hashtag สำหรับคำที่มีการ Hashtag มากที่สุด หรือมีการ ค้นหาถึงมากที่สุด 

สำหรับ instagram แล้วคำที่มีการ Hashtag มากที่สุดคือคำว่า

#love ลองลงมาเป็น friends fashion และ food ค่ะ 

แล้ว Hashtag จะช่วยคุณได้อย่างไร
1.สร้าง Hashtag สำหรับสินค้าของคุณ ผลงานของคุณ เพื่อเก็บเป็น Portfolio ง่ายต่อการตามดูเรื่องและสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
2.Hashtag ในคำที่ฮิตบ้าง เพื่อให้ดึงดูด กลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น อย่า Hashtag มั่วๆนะคะ จะได้ กลุ่มเป้าหมายที่ผิดไปและไม่มีคุณภาพค่า

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
allfacebook.com
mashable ค่ะ