Saturday, March 22, 2014

Owned Media : Earned Media : Paid Media คืออะไร

วันนี้ขอกลับไปสู่พื้นฐานกันเลยนะคะ Owned Media : Earned Media : Paid Media

เป็นคำศัพท์ทางการตลาดที่ตรงตัวค่า เรามาเริ่มกันเลยเพื่อให้อ่านโพสต์นี้แล้วเข้าใจได้เร็วขึ้น คือ

credit : www.titan-seo.com


1.Owned Media : คือสื่อที่เราเป็นเจ้าของแล้วเราสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของสื่อได้ ตัวอย่างเช่น
เฟสบุ๊คแฟนเพจ แม้ว่าเราจะไม่ใช่ผู้สร้าง เฟสบุ๊ค แต่เราก็เป็นคนกำหนดว่า content จะเป็นอย่างไร โพสต์เวลาไหนเป็นต้นค่ะ

2.Earned Media : คือผลของการกระจายของ audience เช่นแฟนเพจเข้ามากดไลค์ หรือแชร์โพสต์ของเราโดยเราไม่ต้องเสียโฆษณาใดๆเลย earn คือการได้มา ได้มาฟรีๆ ค่า :)

3.Paid Media : คือสื่อที่เราใช้งบประมาณในการโฆษณา การ sponsor บน thrid party channel ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ อย่างเช่นเราทำการโฆษณา boost post กับ facebook ads นี่ก็เป็นสื่อที่ใช้เงินในการสื่อค่ะ

ถามว่าแล้วควรใช้อะไร ควรจริงแล้ว ยุคของ social media ผ่านมา 2 ยุคแล้วคือยุค Owned Media และ Eaened Media คือยุคที่ดูแล้วก็อาจจะง่ายกว่ายุคนี้คือ Paid Media และยิ่งมีข่าวว่าเฟสบุ๊คจะหั่นให้ Organic Reach หรือการเข้าถึงกลุ่มแฟนเพจโดยวิธีที่ไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณาอะไรเลย ให้เหลือเพียง 1%

ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เพราะความจริงแล้วเราเข้าสู่ยุคนี้มานานสักพัก แต่ในตลาดของไทยค่าโฆษณาก็ยังถือว่าถูกว่าประเทศอื่นๆก็ว่าได้ วันนี้เอาสั้นๆง่ายๆนะคะ เดี๋ยวเข้าสู่วันทำงานแล้วเราค่อยอ่านสาระเต็มๆกันไป :)

Wednesday, March 19, 2014

คุณคือแบรนด์ หรือแบรนด์คือคุณ กันแน่?? บนโลกโซเชี่ยล

มื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนที่รู้จักกันมานานเกี่ยวกับการใช้ social media เพื่อโปรโมทบนอุตสาหกรรมธุรกิจประเภทหนึ่ง ที่สุดแล้ว มาจบตรงคำถามที่ว่า "แล้วเราควรสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าแบบเป็นแบรนด์หรือเป็นตัวเราดีอะ?"




brand&me circle

ในรูปเป็นเฟรมเวิร์คง่ายๆ ที่เรียกว่า Brand&Me Circle ตัวอย่างเช่น Mr.Artist เป็นเจ้าของแบรนด์ "บัวบก ซ่อมใจ" เพื่อค้นหาคำตอบว่าการโพสต์หรือการตอบควรเป็น Brand or My style เอ็มจึงขออธิบายง่ายๆเลยละกันค่า หากใครไม่มีเวลาอ่านแค่ไฮไลท์ก็เป็นประโยชน์เหมือนกันนะคะ :)

โพสต์นี้คงไม่อ้างอิงอะไรนอกจากประสบการณ์ที่ผ่านมาค่ะ แต่ก่อนนี้ เวลาจะโพสต์อะไรผ่านเพจของบริษัท หรือเพจ community อื่นๆ ก็คิดเยอะแยะว่าเราต้องคงฟอร์มของแบรนด์ไว้ ไม่เล่นกับกลุ่มเป้าหมายจนเกินไป ถือตัวไว้หน่อยคงจะดี

ความจริงแล้ว ความคิดเช่นนั้นเป็นความคิดที่....ไม่ถูกและไม่ผิด แต่มันไม่เวิร์ค เพราะกลับกลายเป็นว่า เราไม่สามารถ สร้าง engagement ให้กับ กลุ่มเป้าหมายใหม่ และลูกค้าเดิมได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่เราควรจะทำขั้นแรกคือ

1.เราควรโต้ตอบกับfans/followers/target audience ไหม ?

คำตอบที่จะให้คือ
"โต้ตอบกับ target audience เพื่อให้เป็นการสื่อสารจากทั้งสองฝั่ง
เพราะ โซเชี่ยลมีเดีย เป็นการสื่อสารระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย ทั้งแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายเป็นได้ทั้งผู้สื่อ และ ผู้รับสารค่ะ" 

2. คำถามต่อไป คือ "โอเค โต้ตอบแล้ว เวลาโพสต์กับโต้ตอบ เราต้องเป็นแบรนด์หรือเราอะ" 

คำตอบที่จะให้คือ : แบรนด์คือเรา เราคือแบรนด์ เอ็มเคยถามผู้บริหารที่อยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงท่านหนึ่งว่าในหนึ่งธุรกิจที่ท่านมีก็อาจจะมีหลายบริการ อย่างนี้ท่านเลือกคนดูแลโซเชี่ยลมีเดียแต่ละบริการอย่างไรบ้างคะ คำตอบที่ได้คือ การเลือกคนที่มีลักษณะบุคคลิกคล้ายคลึงกับแบรนด์นั้นๆ 
ถ้าบริการนั้นเป็นบริการสำหรับเด็ก ก็จะเลือกคนที่มีบุคลิกน่ารักๆ ดูปลอดภัย เป็นต้น 
สำหรับธุรกิจ SME หรือปัจจุบันมีน้องนักศึกษาหลายคนเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ เชื่ือว่าแบรนด์ก็มาจากตัวตนของคุณเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้นใจความของคำตอบที่จะให้คือ 

"โพสต์หรือตอบให้เป็นตัวของคุณเองให้แบรนด์เป็นคุณและ
คุณคือแบรนด์ ให้แบรนด์มีตัวตน
หาจุดเชื่อมโยงหรือลักษณะคล้ายคลึงของคุณกับแบรนด์ออกมา
เพื่อให้แบรนด์มีชีวิต 
เมื่อแบรนด์มีชีวิต กลุ่มเป้าหมายจะกล้าเข้าหาแบรนด์มากขึ้นค่ะ" 


3.แล้วเวลามีคำถามจากfans/followers/หรือแม้แต่ target audience ควรตอบทันทีไหม??

ให้นึกถึงเวลาเราเด็กๆว่าเราถามอะไรพ่อแม่ (ตอนไม่มี google นะคะ) แล้วเราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย 
เวลาเรียนหนังสือแล้วเราสงสัย ถามคุณครูหรืออาจารย์ เราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย 
เราถามเพื่อนว่าเสื้อตัวนี้ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ เราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย
เวลามือถือเราสัญญาหายโทรไป call center เราอยากได้วิธีแกไขทันทีหรือเปล่า 

คำตอบก็คือ 
"ทันทีที่เราสามารถ ตอบคำถามได้ค่ะ ทันทีที่เราสามารถหาทางออกให้กับลูกค้าเราได้ หากไม่สามารถมีวิธีแก้ไขปัญหาให้ได้ทันที ใช้คำสุภาพว่า "รอสักครู่นะคะ จะรีบหาคำตอบ/วิธีแก้ไขให้ทันทีค่ะ" "

และสุดท้าย แต่ไม่มีวันท้ายสุด :) 

รู้จักใช้คำว่า ขอโทษ และขอบคุณ อยู่เสมอๆค่ะ หากคุณทำพลาด ไม่ว่าประการใดก็ขอโทษไว้เถอะค่ะ การยอมรับผิดมันจะสะท้อนว่าเราจริงจังกับfans/followers/target audience มากแค่ไหน

เคสนี้แต่ก่อนเคยทำเพจหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่อง การตลาดละคะ เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว คนคลิกไลค์กันเยอะมาก แต่ก่อนยังเป็น owned and earned media อยู่ ( owned and earned media คืออะไร เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อ) แต่ทำ content ไม่ค่อยทันเพราะมีงานประจำอยู่ ก็แปลข่าวมาแปะบ้างอะไรบ้างโดนตำหนิจาก fans page เราก็ต้องขอโทษนะคะ หรือแม้เพจปัจจุบัน บางครั้งพิมพ์ผิด แฟนเพจจับได้ บอกให้เราแก้ ก็ขอโทษแล้วก็แก้ไขค่ะ พร้อมขอบคุณด้วยเพราะถ้าไม่มีพวกเค้าเราอาจจะผิดซํ้าๆก็เป็นได้ 

อย่างไรก็ตาม ตามหาความเป็นตัวตนของคุณและแบรนด์ให้เจอนะคะ จะลอกเลียนแบบคนอื่นก็ได้
แต่....เดี๋ยวนี้ target audience รับรู้ข้อมูลเยอะนะคะ 
เค้ารู้ว่าเราเลียนแบบใครมา 
ตามหา signature(ลายเซ็น) ของตัวคุณให้เจอ 
และเรื่อง content ก็จะตามมาด้วย 

Monday, March 17, 2014

Monday Updates!!! วิดีโอโฆษณากับช่องทางบนเฟสบุ๊ค

เอาละคะ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมงานกับเพื่อนที่โตด้วยกันมา พูดถึงเพจของธุรกิจอุตสาหกรรมหนึ่ง ว่าเวลาเราจะทำให้เพจนั้นดังขึ้นมาได้ทำอย่างไร สุดท้ายแล้วจบลงที่คำว่า 
signature gimmick ความเป็นตัวคุณ แต่หัวข้อนี้ขอเก็บไว้เขียนในวันพรุ่งนี้ เพราะอยากให้วันจันทร์
เป็น Monday Updates จะได้เตรียมตัวเพื่อวันต่อๆมาของอาทิตย์ค่ะ 
เมื่อเราพูดถึง 1 ใน trend ปี 2014 ก็คือ เทรนของภาพและวิดีโอ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
เฟสบุ๊คก็ได้มีการประกาศว่าจะมีช่องทางการให้โฆษณาโดยใช้วิดีโอเป็นตัวสื่อซึ่งจะ

ภาพ News Feed ณ ปัจจุบัน 


ล่าสุดการประกาศผ่าน Blog Post ของทางเฟสบุ๊ค ได้มีการประกาศแล้วว่ากำลังปล่อยการโฆษณาด้วยวิดีโอ 15 วินาที ออกมาเป็นการทดลองให้กับ user บาง user และกำลังพัฒนาเพื่อให้มีการเปิดตัวออกอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ในช่วงเมษายนที่จะถึงนี้ค่ะ 

ตอนนี้หาก search ใน google อาจจะเจอ บาง site ที่โชว์รูปการโฆษณาผ่านในวิดีโอ ในเฟสบุ๊คบน news feed แต่ขออนุญาตไม่นำมาลงนะคะ ขอให้เป็นสิทธิ์ของเขาดีกว่า ลองจินตนาการกันดูละกันค่ะ ถ้ามีวิดีโอบน news feed เราจะดูกันหรือไม่ :) 

ใน instagram เองก็มี function การถ่ายวิดีโอได 15 วินาที ของเฟสบุ๊คก็เช่นกันยังไงก็ต้องรอติดตาม ทีนี้ละคะ Trend ที่ว่า การสื่อสารผ่านรูปและวิดีโอ จะสร้าง impact หรือไม่ในปี 2014 ต้องคอยติดตามกัน

ขอบคุณบทความข่าวดีๆจาก adweek 
เว็บไซต์โฆษณา ที่ควรติดตามค่ะ 

Saturday, March 15, 2014

คุณภาพ VS ปริมาณ อันไหนดีกว่ากัน?

วันนี้ช่วงเช้าเป็นช่วงที่ได้แบ่งปันประสบการณ์และความรู้ให้กับ ผู้เข้าร่วมสัมมนาการตลาดผ่าน social media ที่บริษัทเอ็มจัดขึ้นค่ะ สัมมนาฟรี แต่ก็ไม่เคยแบ่งปันอะไรแบบมั่วๆนะคะ ทุกครั้งที่สอนก็จะได้ประสบการณ์กับไปทุกครั้ง 





อย่างวันนี้มีหลายหัวข้อที่ได้แบ่งปัน และ discuss กับผู้เข้าร่วมสัมมนานี้หลายหัวข้อแต่มีอยู่หัวข้อหนึ่งที่เอ็มว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำธุรกิจใน social media platform เลยก็ได้ ที่

ว่าเราควรซื้อไลค์เยอะๆ หรือไม่ ถ้าไม่เพราะอะไร .... 




ความจริงแล้วการมีไลค์ แฟนเพจ หรือผู้ติดตามเยอะๆ เป็นสิ่งที่ดีนะคะ เพียงแต่ว่า
หากแฟนเพจเหล่านั้นเป็นแฟนเพจเชิง คุณภาพมากกว่าปริมาณ ก็จะดีมากมากกว่าปริมาณที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเราเลย  
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรทำคือ เราควรรู้กลับไปสู่จุดที่เริ่มต้นคือ


1.ธุรกิจของเราคือธุรกิจอะไร ธุรกิจสินค้า หรือ ธุรกิจบริการ

2.และสินค้าหรือบริการคืออะไร มีลักษณะเด่นอย่างไรบ้าง

3.กลุ่มเป้าหมาย หรือบุคคลที่เราต้องการให้เค้าเป็นลูกค้าคือใครภาษาการตลาดเรียกว่า target market ค่ะ 





หลังจากนั้นก็แตกออกมาว่าเราสามารถทำแคมเปญอะไรได้บ้าง
1. พูดให้ภาพเข้าใจง่ายๆก็คือ เราให้เทคนิค เรื่อง content อย่างไรได้บ้างเพื่อดึงดูดให้ แฟนเพจดึงแฟนเพจเข้ามา 
2.แล้วเราจะจัดกิจกรรมอะไรได้อีก นี่คือเรื่อง 2 C แล้วคือ content กับ contest 
3.และหากเรารู้ ลักษณะ กลุ่มเป้าหมายมากขึ้นเราจะรู้ว่าช่วงเวลาไหนเราจะสามารถ โพสต์และเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านั้นมากที่สุด
4.เราจะยิงโฆษณายังไงให้ถึงตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด 

3 คำถามง่ายๆ 4 เทคนิคต่อเนื่อง ที่หากเราตอบได้ชัดเจน เราจะรู้ว่า เราสามารถ เพิ่ม follow ได้อย่างไร จากที่ไหนบ้าง เทคนิคต่างๆบนโลกนี้มีมากมายค่ะ เอ็มชอบคำพูดของผู้เข้าร่วมคนหนึ่งที่บอกว่าในโลก digital ไม่มีใครเก่งที่สุด เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปทุกวัน เราต้องพัฒนาความรู้ให้มากขึ้นทุกวัน 

สรุปก็คือ ทั้ง คุณภาพและปริมาณ สำคัญควบคู่ไปด้วยกัน แต่หากเรานำคุณภาพนำร่องมาก่อน ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเพิ่มปริมาณเชิงคุณภาพแล้วละคะ :) 

Thursday, March 13, 2014

Digital Relationship Management = ความสัมพันธ์นั้นมีอยู่จริง!!!

วันนี้ นั่งนอนป่วยทำงานอยู่บ้านค่ะ อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกมากแต่ก็ยังไปไม่ได้ 
นั่งคิดอยู่หลายตลบวันนี้อยากจะแชร์เรื่องอะไรดี สุดท้ายแล้วเรื่องที่อยากจะเน้นมากที่สุด เพราะจากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา การได้เห็นจากธุรกิจหลายๆรูปแบบ จากการอ่านหนังสือมาหลายเล่ม
และจากการศึกษาจากสัมมนาต่างๆ


จากทั้งไทยและสิงคโปร์ สิ่งที่รับรู้ได้ก็คือ ยอดขายจะเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้อยู่ที่การทำการตลาดเพียงอย่างเดียวแต่อยู่ที่ฝ่ายดูแลลูกค้าสัมพันธ์ หรือภาษไทยเราเรียกว่า customer service
ซึ่งเชื่อมโยงไปกับ customer relationship management ค่ะ หากใครทำธุรกิจที่เป็นธุรกิจบริการจุดนี้เป็นจุดที่สำคัญอย่างมาก เพราะการบริการจะต้องผ่านจากประสบการณ์ ทักษะผู้ให้บริการไปถึงผู้รับบริการ
แต่ก็ไม่ใช่เพียงธุรกิจบริการเพียงอย่งเดียว ธุรกิจที่เป็นสินค้าก็มีส่วนอย่างมากค่ะ
ช่วงนี้ก็ยังอ่านหนังสือเล่มเดิมไม่จบ คือ เล่มที่เกี่ยวกับ Zappos เว็บไซต์ขายรองเท้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดี๋ยวนี้มีเสื้อผ้า และ accessories อื่นๆด้วยค่ะ หน้าตาเว็บไซต์เป็นแบบนี้ 



ในหนังสือของคุณ Tony Hseih Delivery Happiness ได้พูดถึงการบริการลูกค้า customers service ที่จะทำให้ลูกค้าพึ่งพอใจตั้งแต่ การส่งของได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ หรือแม้แต่ call center ที่สามารถรับฟังปัญหาของลูกค้าได้นอกเหนือจากปัญหาสินค้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร call center ของ zappos ก็พยามช่วยเท่าที่ทำได้ ทำให้ลูกค้าเกิดการซื้อซํ้าอยู่บ่อยๆ เพราะการบริการและการรักษาความสัมพันธ์ ของ zappos เป็นมากกว่า เว็บไซต์ขายรองเท้าค่ะ 


นอกจาก Zappos แล้วร้านกาแฟที่มียอดขายมากที่สุดในโลกอย่าง Starbucks ก็ตอบ twitter ของลูกค้าใน twitter อย่างสมํ่าเสมออย่างที่ crop หน้าจอมาให้ดูละคะ ที่เลือก starbucks มาเป็นตัวอย่างเพราะ มาถึงตอนนี้ เชื่อว่าเกิน 50% ของลูกค้า starbucks อาจจะไม่ได้ซื้อกาแฟ starbucks เพราะรสชาดโดยแท้ แต่หากใครซื้อเพราะรสชาดก็อย่าว่ากันนะคะ เพราะเอ็มก็เป็นแฟน starbucks อยู่ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ซื้อเพราะชอบแบรนด์ ชอบบรรยากาศ ชอบการบริการ ชอบพนักงานที่เอาใจใส่ บางสาขาถึงขนาดจำชื่อเราได้เลยทีเดียว zappos ก็เช่นเดียวกันที่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอาจไม่ได้เกิดจากสินค้าโดยตรงแต่เกิดจากการบริการค่ะ 


ล่าสุด starbucks เตรียมผลิต application เพื่อสั่งกาแฟทาง application เป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วและทันใจกว่าเดิม อีกทั้งยังคงสามารถเพิ่มยอดขายตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วย 

ข้อสรุปสำหรับธุรกิจไม่ว่าท่านจะเป็น ธุรกิจขนาดไหนสิ่งที่จะต้องทำคือ

1.ดูแลลูกค้าเก่าที่มีอยู่ให้ดีด้วยความจริงใจ

2.เมื่อเราสร้างสัมพันธ์แล้วเราต้องมีความสมํ่าเสมอ

3.เราต้องตอบทันทีเมื่อลูกค้ามีปัญหา หรือแม้จะชมเราก็น้อมรับไว้อย่างทันที 

4.จงเป็นมากกว่าร้านค้า แบรนด์และธุรกิจ 

5.จงเป็นเพื่อนที่ลูกค้าไว้วางใจค่ะ 

ประโยชน์ของ social mediaคือทำให้เรามีหน้าร้าน 24 ชั่วโมง ถึงแม้อาจทำให้เราเหนื่อยหน่อย แต่ก็สามารถเป็นบันไดให้เราไปถึงเป้าหมายและเมื่อได้รายได้กลับมาก็นำมาสร้างระบบนะคะ :) 

Wednesday, March 12, 2014

เมื่อแม็คโดนัลล์ตัดสินใจลงทุนเพิ่มในการตลาดผ่าน instagram!!!

ก่อนหน้านี้เราคุ้นเคยกับของแถมของพี่แม็คโดนัลล์อยู่ตลอดเวลา 
กาลเวลาเปลี่ยนไปกลยุทธ์การทำ co-branding ก็ยังคงใช้ได้อยู่แต่อาจจะใช้ไม่ได้ตลอดเวลา 


แล้วอะไรที่จะช่วยให้ mcdonalds สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้ทั่วโลก ตลอด 24 ชั่ว 7 วันต่อ 1 อาทิตย์
คำตอบคือ social media 



ล่าสุดบทความจาก adweek.com กล่าวไว้ว่า ทาง DDBS จับมือกับ Publicis 
ลงทุนถึง 40 ล้านดอลล่าร์เพื่อโปรโมทแบรนด์ผ่าน instagram 
mcdonalds ลงทุนเพิ่มเพื่อที่จะโปรโมท brand ผ่าน instagram 

*FYI instagram เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคกลับไปชอบความเรียบๆ และเป็น vintage ค่ะ 



เมื่อแบรนด์ยักษ์ใหญ่ตัดสินใจใส่งบการตลาดลง โซเชี่ยลมีเดียมากขึ้น เพราะอะไร จุดประสงค์คืออะไร 




จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะ

1.ได้สัมผัสกับกลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะแตกต่างกันไป 

2.สร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายผ่านการสื่อสารทางรูป

3.การจับช่องทางหรือความชอบ รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคสื่อ ของผู้บริโภค และกลุ่มเป้าหมายผ่าน social media 

4.ยิ่ง กลุ่มเป้าหมายมีส่วนรวมมากเท่าไหร่ กลุ่มเป้าหมายจะเกิดความพอใจมากขึ้น รักแบรนด์มากขึ้น 

5. 4 ข้อด้านบนจะนำไปสู่ content marketing ที่เชื่อมโยงจากสิ่งที่ mcdonalds มีบวกกับสิ่งที่คนต้องการ ยิ่ง mcdonalds รู้ว่าคนต้องการสิ่งไหนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสามารถ ยิ่งcontent ได้ตรงประเด็น brand loyalty เกิดการซื้อซํ้าก็เกิด เกิดไปถึงลูกถึงหลานเลยทีเดียวค่ะ 


Thank you 
Adweek.com
ไม่ห่วง link นะคะ :) คิดว่าคงดีถ้าคนไทยได้หาความรู้เพิ่ม บางครั้งอาจจะแปลมาให้เพื่อเข้าใจง่ายขึ้นค่า 




8Owls through IG : Our Dining Time

เมื่อวานนี้มีโอกาสไปประชุมงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ซอยทองหล่อ 13 ตรง nihonmura mall ค่ะ 
ชื่อว่า 8owls หาร้านนี้เจอได้เพราะ เจอใน instagram ของ celebrity ท่านหนึ่ง ถึงแม้จะสอน social media แต่ถึงยังไง ทุกวันนี้ก็หาร้านทานข้าวผ่าน social media เสมอค่ะ   ส่วนใหญ่แล้วเวลาเครียดๆก็จะ search hashtag บ้าง ค่ะ ล่าสุดเจอ 8owls 
ร้านอยู่ชั้น 3 ค่ะ กดลิฟท์ขึ้นไปก็จะเจอ ไปกับพี่ชายที่เคารพค่ะ มาถึงทางด้านบริกรก็ต้อนรับเป็นอย่างดี
พร้อมนำเมนูที่เป็นรูปภาพผ่าน tablet มาให้ การเลือกร้านอาหาร และเลือกอาหาร รูปภาพเป็นส่วนสำคัญมากเลยค่ะ 










เครื่องดื่มคือ เบียร์นกฮูก Hitashino Nest Beer เบาๆ สำหรับรสชาดผลไม้เล็กน้อย จิ๊บได้เรื่อยๆค่ะ 


เมนูแรกที่สั่งมาคือ salmon miso wasabi รู้สึกข้างในจะมีใบชิโอะ และมีมิโซะอยู่ด้วย อร่อยมากค่ะ จานนี้ recommend  

จานที่ 2 จำชื่อไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะคะ แต่อร่อยเหมือนเคยค่ะ 



จานที่ 3 จะเป็น salmon maki ออกกรอบๆนิดๆ ค่อยๆทานจิบไปกับ เบียร์เบาๆ ทำให้บรรยากาศการประชุม มีความสุขดีค่ะ 


สุดท้าย ceasar salad เอาใจ graphic designer แบบง่ายๆไม่อ้วน 
พร้อมกับไข่ต้มยางมะตูม ผสมกับนํ้าสลัดที่คลุกมาก็ทำให้ไม่เลี่ยนจนเกินไปค่ะ  ความจริงแล้วสั่ง tonkutsu ไปด้วยกรอบนอกนุ่มในค่ะ 

Monday, March 10, 2014

โฉมใหม่ของ เฟสบุ๊ค แฟนเพจเพื่อธุรกิจ


เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยน โฉมใหม่ของเฟสบุ๊คแฟนเพจโดยใช้คำว่า Streamlined 
การเปลี่ยนแปลงของแฟนเพจนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลังจาก มีการปรับโฉมนิดหน่อยสำหรับ facebook profile 

มีStreamlinedไว้เพื่ออะไร:

Streamlined มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการใช้ฟังก์ชั่นเพื่อธุรกิจให้เป็นประโยชน์มาขึ้น 

streamlined นี้มีการปรับเปลี่ยนตรงที่

1. การย้ายรายละเอียด เกี่ยวกับแฟนเพจมาไว้ทางด้านขวามือ พร้อมกับ function invitie for like  รายละเอียดเกี่ยวกับเพจ ธุรกิจ เวลาทำการ แผนที่ 



2.การเช็ค notification หรือแคมเปญโฆษณาที่ทำเอาไว้ ก็จะมี function " this week" เอาไว้เช็ครายละเอียดต่างๆค่ะ เพื่อให้เราสะดวกต่อการดูข้อมูลไม่ต้องเข้าไปหลายขั้นตอน

3.เพื่อให้เข้าถึงหลังบ้านได้สะดวกขึ้น ฟังก์ชั่น activity insight setting และ build audience เพื่อทำการโฆษณา อยู่บนหน้าเพจเพื่อให้เข้าถึงง่าย 

4.การเพิ่มสถิติ เพื่อติดตามเพจอื่นๆที่เราอยากจะวัดความก้าวหน้าผ่านทางจำนวนไลค์ สามารถดูได้ใน insight เพื่อเป็นการเปรียบเทียบเรากับคู่แข่งได้ตลอดเวลา

สิ่งที่สังเกตุเห็นจาก comment ต่างๆ หลังจากข่าวนี้ปล่อยมาได้ 8 ชั่วโมงคือ ฟังก์ชั่น tabs หายไป การเชื่อมต่อกับ media ต่างๆ ยังไม่มีการสรุปเลยว่า พี่มาร์กจะเอาไว้ตรงไหน ความจริงแล้ว custom tabs เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจละเลยและควรมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะแม้ว่ามีหลายเสียงกล่าวไว้ ว่าเฟจบุ๊คอาจจะล้มได้วันหนึ่งแต่ การปรับเปลี่ยนและพัฒนาเพื่อธุรกิจก็ยังไม่ได้ลดลง เพื่อเฟสบุ๊คจะได้เป็น one stop serviceให้กับผู้ประกอบการธุรกิจได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ 

ลองติดตามดูนะคะ ในไทยอาจจะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมาก ให้ค่อยๆดูต่อไปว่า feedback จะเป็นอย่างไร 

ขอบคุณ ข้อมูลจาก ด้วยค่า