Wednesday, May 14, 2014

CONTENT MARKETING การตลาดเจาะ ทุก Gen




Content Marketing 
การตลาดสำหรับทุก Generation 


ดูเหมือนว่าตอนนี้การทำการตลาดผ่าน social media นั้นจะยากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ไม่ยากเกินตัวนะคะ 
เพียงแต่การแข่งขันสูงมากขึ้น ตามเกณฑ์ของช่องทางที่ง่ายและเร็ว 
เมื่อช่องทางการตลาดไหนง่ายและเร็วแล้ว ช่องทางนั้นก็เปรียบเหมือนบ่อนํ้ามัน
ที่ทุกคนกระโจนเข้าใส่ ไม่ได้เอาตัวเอาไปชุบในนั้นนะคะ แต่กอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากและเร็วที่สุด
ในที่สุดแล้วนํ้ามันที่อยู่ในบ่อนั้นก็สามารถหมดได้ จนทำให้เราต้องไปจ่ายตังค์
หาซื้อบ่อนํ้ามันจากพ่อค้าคนกลางบ้าง พ่อค้ามือที่สามบ้างก็มี 

เพราะฉะนั้นแล้ว บ่อนํ้ามันก็เปรียบเหมือน data base ที่อยู่ในโลกออนไลน์ของเรา
ซึ่งแต่ก่อนนี้การเข้าถึงก็เป็นเรื่องง่ายไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าโฆษณา
ในยุคที่ ใครหลายๆคนยังมีอาชีพเดียว และทำงานอย่างเดียว

ณ ตอนนี้ การค้าขายง่ายขึ้น พี่ๆ social media platform ทั้งหลาย
ก็ปลุกปั้น ข้อมูลรายละเอียดของ target audience กันอย่างขยันขันแข็ง 
เพราะมันมีค่ามหาศาล ทำเงินให้ใครหลายๆคนมานักต่อนัก 

วันนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่อง โฆษณานะคะ 
เราจะพูดถึงเรื่องที่เป็นอาวุธ ไม่ลับ 
เพียงแต่ถ้าใครทำให้อาวุธนี้คมก็จะสามารถทำแต้มต่อทิ้งห่างจาก
คู่แข่งได้อย่างดี 

สิ่งนี้มีมานานแล้ว และก็อยู่รอบตัวเรา เพียงแต่เราไม่มองมันก็เท่านั้นเอง 
นั้นคือ สาร ข้อมูล หรือ เนื้อหาที่คุณนำเสนอให้กับประชาชนภายนอก 
ทั้งที่เป็นกลุ่มเป้าหมายและไม่เป็นกลุ่มเป้าหมาย 

แล้วใครละ จะเอา content มาลงได้ทุกวัน
วันละ 3 เวลา บ้าเปล่า
ก็ไม่บ้านะ จะกี่เวลาก็แล้วแต่เวลาที่ high traffic ในช่องทางของคุณละค่ะ 

มีหลายวิธีที่เคยนำเสนอไปในแฟนเพจแล้วไม่ว่าจะเป็น 
การดูชื่อหนังสือ ต่างๆ นั้นละคะ อยู่ในท้องตลาดมีอยู่ไม่กี่กลุ่มคำที่โดนใจคนอ่าน
และเตะตาให้หยิบขึ้นมาเสมอ ลองเรียนรู้จากมันซิคะ

นอกจากหนังสือแล้วก็ยังมี  magazine........ที่สุดแล้ว ใครทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้ภายใน
1 เดือน 
รับรองคุณจะเป็นเจ้าแห่งการคิด content ให้เตะตาแน่นอน
เอ็มจึงขอ นำเสนอ การลับอาวุธนี้หรือ content marketing
ภายใน 5 นาที ง่ายๆ ทำได้ทุกวัน ภายใต้ 5 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ 


0.5.ไปตามแผงหนังสือ ร้านหนังสือ ทุกครั้งเวลาไปห้างหรือเดินผ่าน
1.กวาดตาดู magazines ที่มีกลุ่มเป้าหมายตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
2.ดู headline หรือหัวข้อพาดหน้าปก สังเกตุดีๆไม่ว่าจะเป็นคำที่ใช้ ภาษาที่ใช้ หรือ หัวข้อที่ใช้ 
3.เปิดเข้าไปดูเนื้อข้างในว่ามีคอลลัมน์อะไรเด็ดๆบ้าง บวกกับการเขียน sub-script หรือรายละเอียดย่อยก่อนเข้าสู่รายละเอียดลึกของเนื้อหาศิลปะการเขียนเกิดจากการอ่านและสังเกตุค่ะ 
4.อ่านเนื้อหาละเอียด คอลลัมน์ไหนที่อ่านแล้วคุณเห็นภาพตาม เข้าใจได้ไม่กี่นาที นั้นละคะ เรียนรู้วิธีเขียนจากผู้เขียน

แต่ไม่ใช่การคัดลอกนะคะ เรียนรู้จากหลายๆแหล่งๆ สุดท้าย ตบด้วยความเป็นตัวคุณ
ถ้าคุณจะลอก ^^ รับและรองว่าไม่เกิด 



Monday, April 28, 2014

10 สิ่งที่คนเป็นลูกควรรู้ไว้



เมื่อไม่นานมานี้ คุณพ่อของเอ็มอยู่ดีๆก็ไม่สบาย เกิดอาการที่เรียกว่า Belle Palsy หรือเส้นประสาทคู่ที่ 7 ติดไวรัส ทำให้ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อหน้าข้างหนึ่งได้
แต่ก่อนจะเกิดอาการนี้ ในช่วงเวลาที่เราไม่รู้สาเหตุของการไม่สบายที่เกิดขึ้น
คุณพ่อตื่นนอนและมีอาการปวดศรีษะ ไม่สามารถควบคุมการทานอาหารได้ดีเหมือนที่เคยเป็น

เป็นช่วงเวลา ที่คนเป็นลูกอย่างเรา คิดอะไรได้มากมาย
ความจริงแล้ว ในช่วงเวลาแบบนี้เคยเกิดกับเอ็มครั้งหนึ่งตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง
แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก

ในขณะที่เรารอกระบวนการตรวจวินิจฉัย.... ในหัวมีประโยคที่ว่า
"ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วเราจะทำยังไงดี?" เพียงแค่ครั้งเดียว
เอ็มเป็นพี่คนโต ในสมองนั้นจึงคิดอย่างเดียวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น
เราก็ต้องมีสติที่สุด หันไปหาคุณแม่ คุณแม่กลับมีสติมากกว่าเรา
เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเรามีสติ เราก็คิดไว้ล่วงหน้าเลยพรุ่งนี้งานก็ต้องเดินต่อไป
เราอาจต้องทำหน้าที่แทน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ต้องพร้อม ไม่ว่าวินาทีไหนก็ต้องพร้อม
ไม่มีคำว่า " ทำไม่ได้ " " ไม่ไหว" " ไม่เก่ง"
มีแต่คำว่า ทำได้ มั่นใจและทำได้ดี

อาชีพของเราคืออาชีพเทรนเนอร์ บางคนเรียกเราว่า โค้ช บางคนเรียกเราว่าที่ปรึกษา
 บางคนเรียกเราว่าครู อาชีพเทรนเนอร์ ไม่ใช่อาชีพที่ใครจะเป็นก็ได้
เป็นอาชีพที่ไม่รักจริง ไม่จริงใจก็เป็นไม่ได้

นอกจากคิดถึงอนาคตแล้ว ยังคิดถึงอดีต
คิดถึงเวลาที่เราเสียไปกับบางสิ่งที่เราเรียกว่า "ชิลๆ"
มองกลับกัน เวลาที่เรา ชิลๆ
พ่อกับแม่เราไม่ได้ชิลไปกับเรา กลับตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เก็บเงิน ประหยัด
เพื่อส่งเราเรียน และเพื่อเป็นทุนให้เรามีชีวิตที่ดีในอนาคต
ช่วงเวลาที่เราค่อยๆโตมา หลายครั้งที่มีเสียงบอกว่ามีหน้าที่เรียนก็เรียนไป
นอกจากเรียนแล้ว เวลาว่างเราก็ไปหาความสุขใส่ตัว
บ่อยครั้งที่ลืมคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
บ่อยครั้งที่เราพูดจาดี ไพเราะกับคนนอกบ้าน แต่กลับพูดจากระแทกแดกดัน
กับคนในบ้าน เพียงแค่มีคำถามว่า "ไปไหนมาลูก"
บ่อยครั้งที่เราไม่เห็นค่าของสิ่งที่คนในบ้านทำให้เรา
บ่อยครั้ง ที่เราเข้าใจพ่อแม่เราผิดว่าสนใจแต่งานไม่สนใจเรา
บ่อยครั้งเราละเลยกับสิ่งที่พ่อแม่เราสอน
บ่อยครั้งที่เราทำให้คนในบ้านเสียนํ้าตา เพราะการกระทำและคำพูดของเรา

และหลายคนก็เสียใจกับการกระทำที่เกิดขึ้น บางคนเสียใจมากกว่าคนอื่น เพราะเวลาไม่เคยรอใคร
บางคนปล่อยปละจนเวลาล่วงเลย และ สายเกินไปในที่สุด

หลังจากการตรวจวินิจฉัยเรียบร้อย สติเอ็มก็กลับมาโดยสมบูรณ์
ไม่มีผลกระทบอะไรกับสมอง อาการนี้เกิดขึ้นเพราะคนไข้พักผ่อนไม่เพียงพอ
และทำงานหนัก ควรจะได้รับการพักผ่อน

วินาทีนั้นเอ็มเปลี่ยนตัวเองไปอีกขั้น เพราะนี่คือคำว่าโชคดี ที่คุณพ่อไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านี้
โชคดีที่พระเจ้ายังให้เวลาเรา ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับท่านและครอบครัวของเรา
เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกนาทีที่ล่วงเลยไป เอ็มตั้งใจทำเทรนนิ่งสุดความสามารถและจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากวันนั้น เอ็มได้คุยกับเพื่อนที่เป็นรุ่นพี่ที่เอ็มเคารพเรื่องนี้ พี่ท่านนี้คุณพ่อของพี่เค้าเสียไปนานแล้ว พี่เค้าได้เตือนเอ็มว่า นี่ละคือช่วงเวลาที่เราจะได้เรียนรู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่เพื่อใคร ทำอะไรเพื่อใคร และหายใจเพื่อใคร ยังไม่สายไปที่จะเรียนรู้ แม้ว่าพ่อแม่เราจะได้รู้เรื่องนี้ตั้งแต่เราเกิด หากวินาทีนี้ทำอะไรให้พ่อแม่ได้ แล้วท่านมีความสุขก็จงทำ จะได้ไม่มาเสียใจ และเสียดายภายหลัง

สิ่งที่อยากฝากไว้ให้คนเป็นลูกในการโพสต์ครั้งนี้คือ

1.เลิกพูดว่าขี้เกียจเวลาพ่อกับแม่วานให้ทำอะไร
2.การพูดกระแทกแดกดันไม่ได้แสดงให้เห็นว่าคุณเก่งอะไร แต่แสดงให้เห็นว่าคุณใช้อารมณ์เป็นหลักการในการใช้ชีวิตอีกทั้งยังสร้างความเจ็บปวดใจให้กับคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย
3.ค้นหาตัวเองให้เจอเร็วที่สุด ทำบทบาทและหน้าที่ให้ดี มีความสุข
4.อย่าเห็นแต่ตัวเอง เห็นแก่คนอื่น แล้วคุณจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น
5.เวลาไม่เคยคอยใคร บ่อยครั้งที่เราบอกว่าเราจะไม่ผลัดวันประกันพรุ่งแล้ว
เริ่มเลยค่ะ อย่าปล่อยให้เวลาพาคุณผ่านไป และมาเสียใจ
6.มีสติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีความสุขหรือความทุกข์
7.เงินทองไม่ได้หายาก แต่เงินทองมีค่ามาก มากกว่าจะไปใช้จ่ายกับอาหารหรูๆ แพงๆ หรือข้าวของแพงๆที่มาจากรายได้ที่คุณไม่ได้หาเอง และได้มาครอบครองเพียงเพื่อต้องการให้คนอื่นประทับใจเรา
เก็บเงินทองไว้มีความสุขกับคนในครอบครัว เพื่อน และคนที่คุณรัก/รักคุณ จะดีกว่า :)
8.หลายคนอยากประสบความสำเร็จให้พ่อแม่ภูมิใจ แต่ยังใช้เวลาไปกับสิ่งไร้สาระ
คงต้องถามกลับไปว่า วันนี้คุณอยากทำให้พ่อแม่ภูมิใจจริงๆหรอ หรือพูดเพื่อให้ท่านมีความสุขชั่วคราว
9.สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่บอกมาทั้งหมดไม่ได้อยากให้ผู้อ่านทำงานหนักจนลืมสุขภาพ
รักษาที่กายและจิต เดี๋ยวสิ่งดีๆจะมาหาเองค่ะ
10.ชีวิตด้านบวก ผ่อนคลายบ้าง ไม่เสียหาย เพียงแต่รู้จักบริหารชีวิต เพื่อตัวคุณและคนรอบข้างค่ะ


เราลืมไปกันหมดเลย ว่า ที่เราเป็นเราทุกวันนี้ได้เพราะใคร

ฝากไว้ ไม่ว่าคุณที่อ่านสิ่งที่เอ็มเขียนตอนนี้จะโตกว่าหรือจะเด็กกว่า เพราะเอ็มไม่อยากให้คุณคนใดคนหนึ่ง ต้องมาเสียใจภายหลัง :)

Wednesday, April 23, 2014

การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง version1




หลังจากกลับจากสัมมนาที่มาเลเซียตั้งแต่วันอาทิตย์มา การตื่นเช้าตอน 6 โมงครึ่งเป็นเรื่องที่ธรรมดา เป็นเรื่องที่อยากตื่นมา แล้วทำงานในสิ่งที่รัก เป็นเรื่องที่มีความสุข

ความจริงตรงข้ามกับ 2 เดือนที่ผ่านมามาก แม้ว่าจะดำเนินธุรกิจในสิ่งที่ตัวเองรักและหลงใหลมาก แต่เมื่อไม่ประสบความสำเร็จก็อาจมีท้อบ้าง บางครั้งที่ไม่อยากตื่นนอนตอนเช้า เพราะไม่อยากเผชิญปัญหา ที่เกิดขึ้น คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจคงเข้าใจดี แต่ความจริงแล้ว มันอยู่ที่มุมมองของเรา

ความจริงเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่ก่อนไป ลองทำใหม่ ล้มแล้วล้มอีก ก็ลองลุกแล้วลุกอีก ตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกมีความสุขมาก ก่อนนอนก็มีความสุข คิดอยู่เสมอว่า พรุ่งนี้จะทำอะไรบ้าง เขียนเป็นรายการ และไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง เชื่อว่านิสัยนี้เป็นนิสัยที่คนเป็นเยอะ ไม่ต้องฝึกก็เป็นได้

คิดว่าสิ่งที่จะแชร์ต่อไปนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณไม่มากก็น้อย  วันนี้จึงขอแชร์ขั้นตอนแรกที่ได้จากการสัมมนามาเลยละกันค่า

สิ่งแรก คือ ............

มุมมองต่อธุรกิจ ................
มุมมองต่อเงิน...................
มุมมองต่อความรวย...............

เริ่มต้นคือธุรกิจของเรา เราเข้าใจธุรกิจอย่างไรบ้าง บางคนคิดว่าธุรกิจเป็นเรื่องวุ่นวาย มีแต่ปัญหา
ก็จริง แต่ทราบไม่คะว่าปัญหาคือขุมทรัพย์ที่ไม่ค่อยมีคนอดทนจนค้นเจอ เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องชัดเจนกับตัวเรา ว่าเรามีทัศนคติอย่างไร หากทัศนคติบวกก็จะทำให้สิ่งที่เราประสงค์เป็นจริงอย่างแน่นอน

หากสิ่งที่เราคิดเป็นลบ ก็แน่นอนทุกคนคงรู้ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

มุมมองต่อความรวย หลายคนอย่างรวย แต่อิจฉาคนรวย ดูถูกตัวเองบ้าง

ถ้าหากเราเปลี่ยนมุมมอง และตอบโจทย์ทัศนคติของคุณได้ชัดเจน บนโลกนี้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป


vision does matter!!! 

Monday, April 7, 2014

ไอเดียใหม่เพื่อการตลาดโลกออนไลน์จากเพื่อนออสเตรีย

โพสต์ครั้งนี้ของเป็นโพสต์ที่ไม่ได้อิงข้อมูลสถิติจากที่ใด แต่ขอเป็นการโพสต์ซึ่งถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงของ เพื่อนออสเตรียที่ทำงานด้าน online marketing ให้กับ ski resort ที่ออสเตรีย 
เพื่อนคนนี้มีนามว่า จูเลีย 

เอ็มกับจูเลียเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนเรียน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรียกซะเต็มยศ ง่ายๆสั้นๆคือ ABAC เนี่ยละคะ เราเจอกันเพราะจูเลียมาแลกเปลี่ยนที่มหาลัยของเรา เมื่อ 6 ปีที่แล้ว คงเดาอายุกันออก ณ จุดๆนี้  จูเลียเป็นคนเยอรมัน ไม่สูงมาก มีตาสีฟ้า ผมสีบลอนด์ มีรอยยิ้มที่สดใส หน้าตาเฟรนลี่ เวลานางตอบในคลาสเป็นคำตอบที่ฉลาดมากกก  เป็นคนยุโรปที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีเลยทีเดียว เราเริ่มรู้จักกันเพราะความ เสร่อของนิสัยการทำความรู้จักคนของเอ็ม แต่เอ็มคิดว่านี่คือข้อดี แม้หลายครั้งจะโดนเพื่อนรอบข้างด่าอยู่บ่อยๆ แต่สิ่งๆนี้ทำให้เราได้รู้จักคนมากขึ้น และจะเข้าใจว่าการรู้จักคนที่มีคุณภาพมากจะเป็นผลประโยชน์ดีต่อตัวคนเวลาทำงานหรือทำธุรกิจในอนาคต นะค่ะ : ) 

เอาเป็นว่าเราได้มาเจอกันใหม่หลังจากไม่ได้เจอกันหลายปี ครั้งนี้จูเลียและเอ็มแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน online marketing มากขึ้นทำให้เอ็มเปิดโลกกว้างได้กว้างเหมือนได้อ่านหนังสือดีๆ อีกเล่มเลยทีเดียว 

จูเลียแชร์ประสบการณ์จากการที่เราคุยกันคือเรื่องของ social media ที่จูเลียใช้เพื่อโปรโมท ski resort ที่เธอทำหน้าที่ดูแล online marketing อยู่ ( เธอเป็นคนเยอรมันแต่ย้ายไปทำงานที่ออสเตรียค่ะ) 
ไอเดียเหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจหลายๆแบบได้เช่นเดียวกันนะคะ :) 
1.social media ที่เหมาะสม กับธุรกิจ ski resort service 



จูเลียไม่ได้ใช้เยอะค่ะ จูเลียใช้อยู่ที่แน่ๆคือ facebook เป็นหลัก ซึ่งตรงนี้เราพูดไปถึงการทำโฆษณาผ่าน เฟสบุ๊คที่ จูเลียกล่าวว่าการนำ video advertisement function เข้ามาใน facebook ads จะส่งผลดีให้กับ ski resort ได้อย่างมาก เพราะธุรกิจนี้คือ service การให้บริการเพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าสามารถทำให้ target audience ได้เห็นการเคลื่อนไหว ซึ่งดีกว่าการเห็นภาพนิ่ง และอีกทั้งยังได้ยินเสียงอีก จะทำให้สิ่งที่โฆษณานั้นดูเป็นจริงขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่ง เธอบอกอีกว่า การใช้ video marketing จะช่วยเธอได้เยอะ เพราะฉะนั้นช่องทาง youtube channel ก็จะเป็นอีกช่องทางที่มีความเข้มข้นขึ้นแน่นอนในอนาคต 
หลักๆ ที่มีก็จะมีประมาณนี้ 2 ช่องทางแต่เอาแบบ คุณภาพเน้นหนัก จริงๆ

2.SEO + SEA 



search engine optimization  และ search engine advertising เราพูดคุยกันถึงจุดนี้เพราะเราคุยกันถึงช่องทาง youtube ที่เริ่มมี โฆษณามาแล้ว และการใช้งานง่ายๆก็ เข้าไปใน google adwords เนี่ยละคะ จะมีฟังก์ชั่นอยู่เอ็มเองยังไม่ได้เข้าไป แต่จูเลียเพื่อนชาวยุโรปกล่าวมาเช่นนี้เดี๋ยวเราคงต้องเข้าไปดูสักหน่อย 

3. Google+ 

หลายโพสต์ที่เราพูดถึง google+ แล้วเราคุยกันว่าไม่มีประโยชน์เลย ความจริงคือมันมี แม้ว่า platform นี้จะไม่ได้รับความนิยม จูเลียกล่าวไว้ว่า ฉันใช้ google+ เพราะ google+ ทำให้ฉัน connect กับคนที่นอกเหนือจากกลุ่มเพื่อนของฉันคือคนที่มีความสนใจเดียวกัน  "We can share interests with people who have same interests" เพราะฉะนั้นแล้วในอนาคตสิ่งที่เราแชร์ใน google อาจจะกระจายไปได้มากกว่าเดิมด้วยซํ้า บนโลกของ social media ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไวมาก มีไว้ไม่เสียหาย เรียนรู้ไว้ไม่เสียเวลา อีกอย่าง google ครอบครองทุกอย่าง ( เหตุผลนี้น่าคิด เหมือนเหตุผลการใช้ youtube และ blog spot) 

4.รูปสวยๆจากภูเขาหิมะ 


สำคัญมาก นี้คืออีกสิ่งที่เธอพูดถึง รูปสวยๆแบบไม่ต้องแต่ง มันคือเรื่องจริง จริงๆค่ะ ที่จะช่วยสร้าง traffic ให้คนเข้ามาในแฟนเพจของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ เพราะการท่องเที่ยวคือสิ่งที่ทำคนใฝ่ฝัน หน้าที่ของเธอคือ ทำให้ target audience เห็นภาพฝันได้ชัดเจนมากขึ้น ผ่าน social media 

5.ท้ายสุดแล้ว ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งสำคัญ 


target audience อาจไม่ได้ทำการซื้อขายกับเราทันที ผ่าน social media แต่เราก็ต้องซื่อสัตย์กับเค้าตั้งแต่ขั้นตอนแรกที่รู้จักกัน 
sales จะเกิดขึ้นได้ หากเราสามารถใช้เครื่องมืออย่างอื่นมาช่วยด้วย มีหลายคนเข้าใจผิดว่า เราใช้social media อย่างเดียว แล้วเราจะสร้างยอดขายแบบตูมตาม ความจริงแล้วก็เกิดขึ้นได้แต่หัวใจสำคัญคืออยู่ที่ content เวลา กลยุทธ์การเข้าถึง และมีอีกหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้ในทุกๆวันที่ไม่เหมือนกันเลย 


จูเลียทิ้งท้ายก่อนเราจะเปลี่ยนเรื่องไปคุยกับแฟนหนุ่มของเธอ เพราะเราทิ้งให้เค้านั่งงุนงงอยู่นานกับสิ่งที่เราคุยกันว่า จูเลียจะคอยอัพเดท แชร์ความรู้ให้เอ็มเพิ่มอีกบางที อาทิตย์ละครั้ง หรือ เดือนละครั้งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับแฟนเพจของเอ็มด้วย ยังมีเพื่อนอีกหลายประเทศ ที่เป็นคนคุณภาพ คนทำงานจริง ยังไงเอ็มจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาฝากกันอีกเร็วๆนี้นะคะ อย่าลืมติดตามกันค่า :) 

Saturday, March 22, 2014

Owned Media : Earned Media : Paid Media คืออะไร

วันนี้ขอกลับไปสู่พื้นฐานกันเลยนะคะ Owned Media : Earned Media : Paid Media

เป็นคำศัพท์ทางการตลาดที่ตรงตัวค่า เรามาเริ่มกันเลยเพื่อให้อ่านโพสต์นี้แล้วเข้าใจได้เร็วขึ้น คือ

credit : www.titan-seo.com


1.Owned Media : คือสื่อที่เราเป็นเจ้าของแล้วเราสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของสื่อได้ ตัวอย่างเช่น
เฟสบุ๊คแฟนเพจ แม้ว่าเราจะไม่ใช่ผู้สร้าง เฟสบุ๊ค แต่เราก็เป็นคนกำหนดว่า content จะเป็นอย่างไร โพสต์เวลาไหนเป็นต้นค่ะ

2.Earned Media : คือผลของการกระจายของ audience เช่นแฟนเพจเข้ามากดไลค์ หรือแชร์โพสต์ของเราโดยเราไม่ต้องเสียโฆษณาใดๆเลย earn คือการได้มา ได้มาฟรีๆ ค่า :)

3.Paid Media : คือสื่อที่เราใช้งบประมาณในการโฆษณา การ sponsor บน thrid party channel ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ อย่างเช่นเราทำการโฆษณา boost post กับ facebook ads นี่ก็เป็นสื่อที่ใช้เงินในการสื่อค่ะ

ถามว่าแล้วควรใช้อะไร ควรจริงแล้ว ยุคของ social media ผ่านมา 2 ยุคแล้วคือยุค Owned Media และ Eaened Media คือยุคที่ดูแล้วก็อาจจะง่ายกว่ายุคนี้คือ Paid Media และยิ่งมีข่าวว่าเฟสบุ๊คจะหั่นให้ Organic Reach หรือการเข้าถึงกลุ่มแฟนเพจโดยวิธีที่ไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณาอะไรเลย ให้เหลือเพียง 1%

ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เพราะความจริงแล้วเราเข้าสู่ยุคนี้มานานสักพัก แต่ในตลาดของไทยค่าโฆษณาก็ยังถือว่าถูกว่าประเทศอื่นๆก็ว่าได้ วันนี้เอาสั้นๆง่ายๆนะคะ เดี๋ยวเข้าสู่วันทำงานแล้วเราค่อยอ่านสาระเต็มๆกันไป :)

Wednesday, March 19, 2014

คุณคือแบรนด์ หรือแบรนด์คือคุณ กันแน่?? บนโลกโซเชี่ยล

มื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนที่รู้จักกันมานานเกี่ยวกับการใช้ social media เพื่อโปรโมทบนอุตสาหกรรมธุรกิจประเภทหนึ่ง ที่สุดแล้ว มาจบตรงคำถามที่ว่า "แล้วเราควรสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าแบบเป็นแบรนด์หรือเป็นตัวเราดีอะ?"




brand&me circle

ในรูปเป็นเฟรมเวิร์คง่ายๆ ที่เรียกว่า Brand&Me Circle ตัวอย่างเช่น Mr.Artist เป็นเจ้าของแบรนด์ "บัวบก ซ่อมใจ" เพื่อค้นหาคำตอบว่าการโพสต์หรือการตอบควรเป็น Brand or My style เอ็มจึงขออธิบายง่ายๆเลยละกันค่า หากใครไม่มีเวลาอ่านแค่ไฮไลท์ก็เป็นประโยชน์เหมือนกันนะคะ :)

โพสต์นี้คงไม่อ้างอิงอะไรนอกจากประสบการณ์ที่ผ่านมาค่ะ แต่ก่อนนี้ เวลาจะโพสต์อะไรผ่านเพจของบริษัท หรือเพจ community อื่นๆ ก็คิดเยอะแยะว่าเราต้องคงฟอร์มของแบรนด์ไว้ ไม่เล่นกับกลุ่มเป้าหมายจนเกินไป ถือตัวไว้หน่อยคงจะดี

ความจริงแล้ว ความคิดเช่นนั้นเป็นความคิดที่....ไม่ถูกและไม่ผิด แต่มันไม่เวิร์ค เพราะกลับกลายเป็นว่า เราไม่สามารถ สร้าง engagement ให้กับ กลุ่มเป้าหมายใหม่ และลูกค้าเดิมได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่เราควรจะทำขั้นแรกคือ

1.เราควรโต้ตอบกับfans/followers/target audience ไหม ?

คำตอบที่จะให้คือ
"โต้ตอบกับ target audience เพื่อให้เป็นการสื่อสารจากทั้งสองฝั่ง
เพราะ โซเชี่ยลมีเดีย เป็นการสื่อสารระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย ทั้งแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายเป็นได้ทั้งผู้สื่อ และ ผู้รับสารค่ะ" 

2. คำถามต่อไป คือ "โอเค โต้ตอบแล้ว เวลาโพสต์กับโต้ตอบ เราต้องเป็นแบรนด์หรือเราอะ" 

คำตอบที่จะให้คือ : แบรนด์คือเรา เราคือแบรนด์ เอ็มเคยถามผู้บริหารที่อยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงท่านหนึ่งว่าในหนึ่งธุรกิจที่ท่านมีก็อาจจะมีหลายบริการ อย่างนี้ท่านเลือกคนดูแลโซเชี่ยลมีเดียแต่ละบริการอย่างไรบ้างคะ คำตอบที่ได้คือ การเลือกคนที่มีลักษณะบุคคลิกคล้ายคลึงกับแบรนด์นั้นๆ 
ถ้าบริการนั้นเป็นบริการสำหรับเด็ก ก็จะเลือกคนที่มีบุคลิกน่ารักๆ ดูปลอดภัย เป็นต้น 
สำหรับธุรกิจ SME หรือปัจจุบันมีน้องนักศึกษาหลายคนเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ เชื่ือว่าแบรนด์ก็มาจากตัวตนของคุณเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้นใจความของคำตอบที่จะให้คือ 

"โพสต์หรือตอบให้เป็นตัวของคุณเองให้แบรนด์เป็นคุณและ
คุณคือแบรนด์ ให้แบรนด์มีตัวตน
หาจุดเชื่อมโยงหรือลักษณะคล้ายคลึงของคุณกับแบรนด์ออกมา
เพื่อให้แบรนด์มีชีวิต 
เมื่อแบรนด์มีชีวิต กลุ่มเป้าหมายจะกล้าเข้าหาแบรนด์มากขึ้นค่ะ" 


3.แล้วเวลามีคำถามจากfans/followers/หรือแม้แต่ target audience ควรตอบทันทีไหม??

ให้นึกถึงเวลาเราเด็กๆว่าเราถามอะไรพ่อแม่ (ตอนไม่มี google นะคะ) แล้วเราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย 
เวลาเรียนหนังสือแล้วเราสงสัย ถามคุณครูหรืออาจารย์ เราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย 
เราถามเพื่อนว่าเสื้อตัวนี้ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ เราอยากได้คำตอบทันทีมั้ย
เวลามือถือเราสัญญาหายโทรไป call center เราอยากได้วิธีแกไขทันทีหรือเปล่า 

คำตอบก็คือ 
"ทันทีที่เราสามารถ ตอบคำถามได้ค่ะ ทันทีที่เราสามารถหาทางออกให้กับลูกค้าเราได้ หากไม่สามารถมีวิธีแก้ไขปัญหาให้ได้ทันที ใช้คำสุภาพว่า "รอสักครู่นะคะ จะรีบหาคำตอบ/วิธีแก้ไขให้ทันทีค่ะ" "

และสุดท้าย แต่ไม่มีวันท้ายสุด :) 

รู้จักใช้คำว่า ขอโทษ และขอบคุณ อยู่เสมอๆค่ะ หากคุณทำพลาด ไม่ว่าประการใดก็ขอโทษไว้เถอะค่ะ การยอมรับผิดมันจะสะท้อนว่าเราจริงจังกับfans/followers/target audience มากแค่ไหน

เคสนี้แต่ก่อนเคยทำเพจหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่อง การตลาดละคะ เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว คนคลิกไลค์กันเยอะมาก แต่ก่อนยังเป็น owned and earned media อยู่ ( owned and earned media คืออะไร เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อ) แต่ทำ content ไม่ค่อยทันเพราะมีงานประจำอยู่ ก็แปลข่าวมาแปะบ้างอะไรบ้างโดนตำหนิจาก fans page เราก็ต้องขอโทษนะคะ หรือแม้เพจปัจจุบัน บางครั้งพิมพ์ผิด แฟนเพจจับได้ บอกให้เราแก้ ก็ขอโทษแล้วก็แก้ไขค่ะ พร้อมขอบคุณด้วยเพราะถ้าไม่มีพวกเค้าเราอาจจะผิดซํ้าๆก็เป็นได้ 

อย่างไรก็ตาม ตามหาความเป็นตัวตนของคุณและแบรนด์ให้เจอนะคะ จะลอกเลียนแบบคนอื่นก็ได้
แต่....เดี๋ยวนี้ target audience รับรู้ข้อมูลเยอะนะคะ 
เค้ารู้ว่าเราเลียนแบบใครมา 
ตามหา signature(ลายเซ็น) ของตัวคุณให้เจอ 
และเรื่อง content ก็จะตามมาด้วย 

Monday, March 17, 2014

Monday Updates!!! วิดีโอโฆษณากับช่องทางบนเฟสบุ๊ค

เอาละคะ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมงานกับเพื่อนที่โตด้วยกันมา พูดถึงเพจของธุรกิจอุตสาหกรรมหนึ่ง ว่าเวลาเราจะทำให้เพจนั้นดังขึ้นมาได้ทำอย่างไร สุดท้ายแล้วจบลงที่คำว่า 
signature gimmick ความเป็นตัวคุณ แต่หัวข้อนี้ขอเก็บไว้เขียนในวันพรุ่งนี้ เพราะอยากให้วันจันทร์
เป็น Monday Updates จะได้เตรียมตัวเพื่อวันต่อๆมาของอาทิตย์ค่ะ 
เมื่อเราพูดถึง 1 ใน trend ปี 2014 ก็คือ เทรนของภาพและวิดีโอ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
เฟสบุ๊คก็ได้มีการประกาศว่าจะมีช่องทางการให้โฆษณาโดยใช้วิดีโอเป็นตัวสื่อซึ่งจะ

ภาพ News Feed ณ ปัจจุบัน 


ล่าสุดการประกาศผ่าน Blog Post ของทางเฟสบุ๊ค ได้มีการประกาศแล้วว่ากำลังปล่อยการโฆษณาด้วยวิดีโอ 15 วินาที ออกมาเป็นการทดลองให้กับ user บาง user และกำลังพัฒนาเพื่อให้มีการเปิดตัวออกอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ในช่วงเมษายนที่จะถึงนี้ค่ะ 

ตอนนี้หาก search ใน google อาจจะเจอ บาง site ที่โชว์รูปการโฆษณาผ่านในวิดีโอ ในเฟสบุ๊คบน news feed แต่ขออนุญาตไม่นำมาลงนะคะ ขอให้เป็นสิทธิ์ของเขาดีกว่า ลองจินตนาการกันดูละกันค่ะ ถ้ามีวิดีโอบน news feed เราจะดูกันหรือไม่ :) 

ใน instagram เองก็มี function การถ่ายวิดีโอได 15 วินาที ของเฟสบุ๊คก็เช่นกันยังไงก็ต้องรอติดตาม ทีนี้ละคะ Trend ที่ว่า การสื่อสารผ่านรูปและวิดีโอ จะสร้าง impact หรือไม่ในปี 2014 ต้องคอยติดตามกัน

ขอบคุณบทความข่าวดีๆจาก adweek 
เว็บไซต์โฆษณา ที่ควรติดตามค่ะ 

Saturday, March 15, 2014

คุณภาพ VS ปริมาณ อันไหนดีกว่ากัน?

วันนี้ช่วงเช้าเป็นช่วงที่ได้แบ่งปันประสบการณ์และความรู้ให้กับ ผู้เข้าร่วมสัมมนาการตลาดผ่าน social media ที่บริษัทเอ็มจัดขึ้นค่ะ สัมมนาฟรี แต่ก็ไม่เคยแบ่งปันอะไรแบบมั่วๆนะคะ ทุกครั้งที่สอนก็จะได้ประสบการณ์กับไปทุกครั้ง 





อย่างวันนี้มีหลายหัวข้อที่ได้แบ่งปัน และ discuss กับผู้เข้าร่วมสัมมนานี้หลายหัวข้อแต่มีอยู่หัวข้อหนึ่งที่เอ็มว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำธุรกิจใน social media platform เลยก็ได้ ที่

ว่าเราควรซื้อไลค์เยอะๆ หรือไม่ ถ้าไม่เพราะอะไร .... 




ความจริงแล้วการมีไลค์ แฟนเพจ หรือผู้ติดตามเยอะๆ เป็นสิ่งที่ดีนะคะ เพียงแต่ว่า
หากแฟนเพจเหล่านั้นเป็นแฟนเพจเชิง คุณภาพมากกว่าปริมาณ ก็จะดีมากมากกว่าปริมาณที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเราเลย  
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรทำคือ เราควรรู้กลับไปสู่จุดที่เริ่มต้นคือ


1.ธุรกิจของเราคือธุรกิจอะไร ธุรกิจสินค้า หรือ ธุรกิจบริการ

2.และสินค้าหรือบริการคืออะไร มีลักษณะเด่นอย่างไรบ้าง

3.กลุ่มเป้าหมาย หรือบุคคลที่เราต้องการให้เค้าเป็นลูกค้าคือใครภาษาการตลาดเรียกว่า target market ค่ะ 





หลังจากนั้นก็แตกออกมาว่าเราสามารถทำแคมเปญอะไรได้บ้าง
1. พูดให้ภาพเข้าใจง่ายๆก็คือ เราให้เทคนิค เรื่อง content อย่างไรได้บ้างเพื่อดึงดูดให้ แฟนเพจดึงแฟนเพจเข้ามา 
2.แล้วเราจะจัดกิจกรรมอะไรได้อีก นี่คือเรื่อง 2 C แล้วคือ content กับ contest 
3.และหากเรารู้ ลักษณะ กลุ่มเป้าหมายมากขึ้นเราจะรู้ว่าช่วงเวลาไหนเราจะสามารถ โพสต์และเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านั้นมากที่สุด
4.เราจะยิงโฆษณายังไงให้ถึงตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด 

3 คำถามง่ายๆ 4 เทคนิคต่อเนื่อง ที่หากเราตอบได้ชัดเจน เราจะรู้ว่า เราสามารถ เพิ่ม follow ได้อย่างไร จากที่ไหนบ้าง เทคนิคต่างๆบนโลกนี้มีมากมายค่ะ เอ็มชอบคำพูดของผู้เข้าร่วมคนหนึ่งที่บอกว่าในโลก digital ไม่มีใครเก่งที่สุด เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปทุกวัน เราต้องพัฒนาความรู้ให้มากขึ้นทุกวัน 

สรุปก็คือ ทั้ง คุณภาพและปริมาณ สำคัญควบคู่ไปด้วยกัน แต่หากเรานำคุณภาพนำร่องมาก่อน ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเพิ่มปริมาณเชิงคุณภาพแล้วละคะ :) 

Thursday, March 13, 2014

Digital Relationship Management = ความสัมพันธ์นั้นมีอยู่จริง!!!

วันนี้ นั่งนอนป่วยทำงานอยู่บ้านค่ะ อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกมากแต่ก็ยังไปไม่ได้ 
นั่งคิดอยู่หลายตลบวันนี้อยากจะแชร์เรื่องอะไรดี สุดท้ายแล้วเรื่องที่อยากจะเน้นมากที่สุด เพราะจากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา การได้เห็นจากธุรกิจหลายๆรูปแบบ จากการอ่านหนังสือมาหลายเล่ม
และจากการศึกษาจากสัมมนาต่างๆ


จากทั้งไทยและสิงคโปร์ สิ่งที่รับรู้ได้ก็คือ ยอดขายจะเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้อยู่ที่การทำการตลาดเพียงอย่างเดียวแต่อยู่ที่ฝ่ายดูแลลูกค้าสัมพันธ์ หรือภาษไทยเราเรียกว่า customer service
ซึ่งเชื่อมโยงไปกับ customer relationship management ค่ะ หากใครทำธุรกิจที่เป็นธุรกิจบริการจุดนี้เป็นจุดที่สำคัญอย่างมาก เพราะการบริการจะต้องผ่านจากประสบการณ์ ทักษะผู้ให้บริการไปถึงผู้รับบริการ
แต่ก็ไม่ใช่เพียงธุรกิจบริการเพียงอย่งเดียว ธุรกิจที่เป็นสินค้าก็มีส่วนอย่างมากค่ะ
ช่วงนี้ก็ยังอ่านหนังสือเล่มเดิมไม่จบ คือ เล่มที่เกี่ยวกับ Zappos เว็บไซต์ขายรองเท้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดี๋ยวนี้มีเสื้อผ้า และ accessories อื่นๆด้วยค่ะ หน้าตาเว็บไซต์เป็นแบบนี้ 



ในหนังสือของคุณ Tony Hseih Delivery Happiness ได้พูดถึงการบริการลูกค้า customers service ที่จะทำให้ลูกค้าพึ่งพอใจตั้งแต่ การส่งของได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ หรือแม้แต่ call center ที่สามารถรับฟังปัญหาของลูกค้าได้นอกเหนือจากปัญหาสินค้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร call center ของ zappos ก็พยามช่วยเท่าที่ทำได้ ทำให้ลูกค้าเกิดการซื้อซํ้าอยู่บ่อยๆ เพราะการบริการและการรักษาความสัมพันธ์ ของ zappos เป็นมากกว่า เว็บไซต์ขายรองเท้าค่ะ 


นอกจาก Zappos แล้วร้านกาแฟที่มียอดขายมากที่สุดในโลกอย่าง Starbucks ก็ตอบ twitter ของลูกค้าใน twitter อย่างสมํ่าเสมออย่างที่ crop หน้าจอมาให้ดูละคะ ที่เลือก starbucks มาเป็นตัวอย่างเพราะ มาถึงตอนนี้ เชื่อว่าเกิน 50% ของลูกค้า starbucks อาจจะไม่ได้ซื้อกาแฟ starbucks เพราะรสชาดโดยแท้ แต่หากใครซื้อเพราะรสชาดก็อย่าว่ากันนะคะ เพราะเอ็มก็เป็นแฟน starbucks อยู่ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ซื้อเพราะชอบแบรนด์ ชอบบรรยากาศ ชอบการบริการ ชอบพนักงานที่เอาใจใส่ บางสาขาถึงขนาดจำชื่อเราได้เลยทีเดียว zappos ก็เช่นเดียวกันที่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอาจไม่ได้เกิดจากสินค้าโดยตรงแต่เกิดจากการบริการค่ะ 


ล่าสุด starbucks เตรียมผลิต application เพื่อสั่งกาแฟทาง application เป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วและทันใจกว่าเดิม อีกทั้งยังคงสามารถเพิ่มยอดขายตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วย 

ข้อสรุปสำหรับธุรกิจไม่ว่าท่านจะเป็น ธุรกิจขนาดไหนสิ่งที่จะต้องทำคือ

1.ดูแลลูกค้าเก่าที่มีอยู่ให้ดีด้วยความจริงใจ

2.เมื่อเราสร้างสัมพันธ์แล้วเราต้องมีความสมํ่าเสมอ

3.เราต้องตอบทันทีเมื่อลูกค้ามีปัญหา หรือแม้จะชมเราก็น้อมรับไว้อย่างทันที 

4.จงเป็นมากกว่าร้านค้า แบรนด์และธุรกิจ 

5.จงเป็นเพื่อนที่ลูกค้าไว้วางใจค่ะ 

ประโยชน์ของ social mediaคือทำให้เรามีหน้าร้าน 24 ชั่วโมง ถึงแม้อาจทำให้เราเหนื่อยหน่อย แต่ก็สามารถเป็นบันไดให้เราไปถึงเป้าหมายและเมื่อได้รายได้กลับมาก็นำมาสร้างระบบนะคะ :) 

Wednesday, March 12, 2014

เมื่อแม็คโดนัลล์ตัดสินใจลงทุนเพิ่มในการตลาดผ่าน instagram!!!

ก่อนหน้านี้เราคุ้นเคยกับของแถมของพี่แม็คโดนัลล์อยู่ตลอดเวลา 
กาลเวลาเปลี่ยนไปกลยุทธ์การทำ co-branding ก็ยังคงใช้ได้อยู่แต่อาจจะใช้ไม่ได้ตลอดเวลา 


แล้วอะไรที่จะช่วยให้ mcdonalds สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้ทั่วโลก ตลอด 24 ชั่ว 7 วันต่อ 1 อาทิตย์
คำตอบคือ social media 



ล่าสุดบทความจาก adweek.com กล่าวไว้ว่า ทาง DDBS จับมือกับ Publicis 
ลงทุนถึง 40 ล้านดอลล่าร์เพื่อโปรโมทแบรนด์ผ่าน instagram 
mcdonalds ลงทุนเพิ่มเพื่อที่จะโปรโมท brand ผ่าน instagram 

*FYI instagram เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคกลับไปชอบความเรียบๆ และเป็น vintage ค่ะ 



เมื่อแบรนด์ยักษ์ใหญ่ตัดสินใจใส่งบการตลาดลง โซเชี่ยลมีเดียมากขึ้น เพราะอะไร จุดประสงค์คืออะไร 




จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะ

1.ได้สัมผัสกับกลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะแตกต่างกันไป 

2.สร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายผ่านการสื่อสารทางรูป

3.การจับช่องทางหรือความชอบ รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคสื่อ ของผู้บริโภค และกลุ่มเป้าหมายผ่าน social media 

4.ยิ่ง กลุ่มเป้าหมายมีส่วนรวมมากเท่าไหร่ กลุ่มเป้าหมายจะเกิดความพอใจมากขึ้น รักแบรนด์มากขึ้น 

5. 4 ข้อด้านบนจะนำไปสู่ content marketing ที่เชื่อมโยงจากสิ่งที่ mcdonalds มีบวกกับสิ่งที่คนต้องการ ยิ่ง mcdonalds รู้ว่าคนต้องการสิ่งไหนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสามารถ ยิ่งcontent ได้ตรงประเด็น brand loyalty เกิดการซื้อซํ้าก็เกิด เกิดไปถึงลูกถึงหลานเลยทีเดียวค่ะ 


Thank you 
Adweek.com
ไม่ห่วง link นะคะ :) คิดว่าคงดีถ้าคนไทยได้หาความรู้เพิ่ม บางครั้งอาจจะแปลมาให้เพื่อเข้าใจง่ายขึ้นค่า 




8Owls through IG : Our Dining Time

เมื่อวานนี้มีโอกาสไปประชุมงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ซอยทองหล่อ 13 ตรง nihonmura mall ค่ะ 
ชื่อว่า 8owls หาร้านนี้เจอได้เพราะ เจอใน instagram ของ celebrity ท่านหนึ่ง ถึงแม้จะสอน social media แต่ถึงยังไง ทุกวันนี้ก็หาร้านทานข้าวผ่าน social media เสมอค่ะ   ส่วนใหญ่แล้วเวลาเครียดๆก็จะ search hashtag บ้าง ค่ะ ล่าสุดเจอ 8owls 
ร้านอยู่ชั้น 3 ค่ะ กดลิฟท์ขึ้นไปก็จะเจอ ไปกับพี่ชายที่เคารพค่ะ มาถึงทางด้านบริกรก็ต้อนรับเป็นอย่างดี
พร้อมนำเมนูที่เป็นรูปภาพผ่าน tablet มาให้ การเลือกร้านอาหาร และเลือกอาหาร รูปภาพเป็นส่วนสำคัญมากเลยค่ะ 










เครื่องดื่มคือ เบียร์นกฮูก Hitashino Nest Beer เบาๆ สำหรับรสชาดผลไม้เล็กน้อย จิ๊บได้เรื่อยๆค่ะ 


เมนูแรกที่สั่งมาคือ salmon miso wasabi รู้สึกข้างในจะมีใบชิโอะ และมีมิโซะอยู่ด้วย อร่อยมากค่ะ จานนี้ recommend  

จานที่ 2 จำชื่อไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะคะ แต่อร่อยเหมือนเคยค่ะ 



จานที่ 3 จะเป็น salmon maki ออกกรอบๆนิดๆ ค่อยๆทานจิบไปกับ เบียร์เบาๆ ทำให้บรรยากาศการประชุม มีความสุขดีค่ะ 


สุดท้าย ceasar salad เอาใจ graphic designer แบบง่ายๆไม่อ้วน 
พร้อมกับไข่ต้มยางมะตูม ผสมกับนํ้าสลัดที่คลุกมาก็ทำให้ไม่เลี่ยนจนเกินไปค่ะ  ความจริงแล้วสั่ง tonkutsu ไปด้วยกรอบนอกนุ่มในค่ะ 

Monday, March 10, 2014

โฉมใหม่ของ เฟสบุ๊ค แฟนเพจเพื่อธุรกิจ


เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยน โฉมใหม่ของเฟสบุ๊คแฟนเพจโดยใช้คำว่า Streamlined 
การเปลี่ยนแปลงของแฟนเพจนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลังจาก มีการปรับโฉมนิดหน่อยสำหรับ facebook profile 

มีStreamlinedไว้เพื่ออะไร:

Streamlined มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการใช้ฟังก์ชั่นเพื่อธุรกิจให้เป็นประโยชน์มาขึ้น 

streamlined นี้มีการปรับเปลี่ยนตรงที่

1. การย้ายรายละเอียด เกี่ยวกับแฟนเพจมาไว้ทางด้านขวามือ พร้อมกับ function invitie for like  รายละเอียดเกี่ยวกับเพจ ธุรกิจ เวลาทำการ แผนที่ 



2.การเช็ค notification หรือแคมเปญโฆษณาที่ทำเอาไว้ ก็จะมี function " this week" เอาไว้เช็ครายละเอียดต่างๆค่ะ เพื่อให้เราสะดวกต่อการดูข้อมูลไม่ต้องเข้าไปหลายขั้นตอน

3.เพื่อให้เข้าถึงหลังบ้านได้สะดวกขึ้น ฟังก์ชั่น activity insight setting และ build audience เพื่อทำการโฆษณา อยู่บนหน้าเพจเพื่อให้เข้าถึงง่าย 

4.การเพิ่มสถิติ เพื่อติดตามเพจอื่นๆที่เราอยากจะวัดความก้าวหน้าผ่านทางจำนวนไลค์ สามารถดูได้ใน insight เพื่อเป็นการเปรียบเทียบเรากับคู่แข่งได้ตลอดเวลา

สิ่งที่สังเกตุเห็นจาก comment ต่างๆ หลังจากข่าวนี้ปล่อยมาได้ 8 ชั่วโมงคือ ฟังก์ชั่น tabs หายไป การเชื่อมต่อกับ media ต่างๆ ยังไม่มีการสรุปเลยว่า พี่มาร์กจะเอาไว้ตรงไหน ความจริงแล้ว custom tabs เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจละเลยและควรมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะแม้ว่ามีหลายเสียงกล่าวไว้ ว่าเฟจบุ๊คอาจจะล้มได้วันหนึ่งแต่ การปรับเปลี่ยนและพัฒนาเพื่อธุรกิจก็ยังไม่ได้ลดลง เพื่อเฟสบุ๊คจะได้เป็น one stop serviceให้กับผู้ประกอบการธุรกิจได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ 

ลองติดตามดูนะคะ ในไทยอาจจะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมาก ให้ค่อยๆดูต่อไปว่า feedback จะเป็นอย่างไร 

ขอบคุณ ข้อมูลจาก ด้วยค่า 

Saturday, February 22, 2014

เมื่อการโฆษณาของเฟสบุ๊คเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนด้วยหรือไม่!!???

วันนี้เอา tips สำหรับ facebook ads targeting มาฝากค่ะ 


หลังจากที่เฟสบุ๊คเปลี่ยน function facebook ads อีกแล้ววว 
โดยรวม target ทั้ง แบบ broad คือแบบ กว้างๆ กับ specific คือเฉพาะ เจาะจง 
ทำให้ประสิทธิภาพในการทำ ads น้อยลง อันนี้จากประสบการณ์ทำโฆษณา สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ เพราะ ฉะนั้นแล้วเราก็จะต้องหาวิธี เพื่อแก้ไขกันไป โดยจุดที่เราต้องแก้ไขคือ เรื่อง targeting 







1.เรื่องของการ boost post ยังแนะนำให้ทำต่อเนื่อง เพราะ อย่างไรก็ตาม หากเราโพสในแต่ละวัน เปอร์เซนต์ในการมองเห็นมากสุดอาจจะอยู่แค่ 10% ของเเฟนเพจหรืออาจไม่ถึงเลย
จำนวน แฟนเพจที่มีคุณภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญค่ะ





2.custom audience สำหรับท่านใดที่มี ฐานข้อมูลของผู้มุ่งหวัง อยู่แล้ว สามารถ นำมาใส่ได้ หากใครไม่มี ลอง หาวิธี เก็บ data base ดูค่ะ อีเมลล์ เป็นข้อมูลเบื้องต้นและอาจได้มาง่ายสุด
โดยใช้ landing page หรือ opt in สำหรับ ท่านใด ยังไม่ทราบเรื่อง opt in ลองใช้ google docก่อนก็ได้ค่ะ ในการรองรับ ข้อมูล เพื่อแปลงเป็นไฟล์ใส่ custom audience ได้สะดวกมากขึ้น 


2.1 แหล่งข้อมูลสำหรับ opt-in (สำหรับผู้เริ่มต้น) สามารถใช้ google doc ได้ค่ะ
2.2 get response
2.3 contact me 
2.4 aweber 



3.บางทีข้อมูลลูกค้า ก็ เกิดจากการ search ผ่าน google จำนวนเยอะนะคะ ถ้าเราสามารถทำ google adwords เพื่อให้เกิด traffic มากขึ้น และ หลังจากนั้นสร้างช่องทางการรับข้อมูลของลูกค้าผ่านทางอีเมลล์ไม่ว่าจะเป็น registration เพื่อให้เรามีฐานข้อมูลมากขึ้นค่ะ 


4.วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายจากคู่แข่งค่ะ การสังเกตุการณ์จะทำให้ไปพบสิ่งใหม่ๆ ลักษณะของกลุ่มเป้าหมายของคู่แข่งสามารถเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราได้หากคู่แข่งเป็น direct competitors หรือคู่แข่งทางตรง 

5.ความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากดูคู่แข่งแล้วอย่าลืมกลุ่มเป้าหมาย ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างไรบ้าง 


5 ข้อง่ายๆ ที่จะทำให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น อีกทั้งยังเชื่อมต่อไปถึงการโฆษณาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และการเขียน content ที่ถูกตาต้องใจ กลุ่มเป้าหมายด้วยค่ะ 
           :) 

Wednesday, February 19, 2014

ญี่ปุ่น ไปกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ (1)

สวัสดีค่าทุกคน ผ่านไปเกือบเดือน สอนจบเดือนมกรา ถือโอกาศเริ่มต้นเดือนแห่งความรัก ด้วยการรักตัวเอง พาตัวเองไปเที่ยวประเทศที่ใครๆไปก็ติดใจเพราะเสน่ห์บางอย่าง ทั้งผู้คน สิ่งแวดล้อม บ้านเมือง อาหาร อากาศ ประเทศนั้นก็คือ ญี่ปุ่นค่ะ

ทริปนี้ไม่ได้ประหยัดมาก เน้นสบายๆค่ะ แต่เราก็ไม่ซื้อตั๋วให้แพงจนเกินไป บังเอิญช่วงต้นเดือนมกราคมใช้บริการ airport rail link ลงสถานี พญาไท จึงเจอ pop-up office ของ H.I.S Tour : Love Peace and Travel



ใครไม่ทราบโลโก้เป็นอย่างไร หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ ไม่ได้ค่าโปรโมทใดๆ แต่ประทับใจการบริการค่ะ

เราเริ่มไปส่องๆ หยิบโบชัวร์มา หลังจากนั้นก็ไปติดต่อซื้อตั๋วที่สาขา เอกมัยค่ะ เป็นแพคเกจ 5 วัน 3 คืน พร้อมที่พัก แต่เนื่องจากว่าผู้ร่วมทริป น้องสาวสุดเลิฟ บอกว่าไม่พอ เราจึงต้องขยายวันและจองที่พักกันเองค่ะ เริ่มบิน คืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เครื่องบินออก 12.50 จะถึงประมาณ 9 โมงกว่าๆ เวลาของญี่ปุ่นวันที่ 3 กุมภาพันธ์ค่ะ

สายการบินใหม่ของ H.I.S tour คือ สายการบิน Asia Atlantics Airline หรือ AAA ค่ะ

logo เป็นเช่นนี้ ค่ะ ปลายหางเครื่องบิน มี A 3 ตัว แต่จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ประมาณ เคาน์เตอร์ E หรือไม่ จำได้ว่าอยู่ต้นๆค่ะ

เราบินกันคืนวันอาทิตย์ คนไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ ขึ้นไปบนเครื่องบิน แอร์โฮสเตส บริการดี มารยาทดี แต่งกายน่ารักค่ะเป็นสีฟ้า มีหมวกด้วย ไม่ได้ถ่ายรูปมาเสียดายจัง เครื่องบิน take off หลับยาว คนน้อยมากค่ะเพื่อนอีกคนที่นั่งคนเดียวเลยนอนยาวมีพื้นที่เป็นของต้นเอง ตื่นอีกทีก็เห็นฟ้าใสแบบนี้แล้วค่ะ 


พร้อมเจออาหารเช้า มี 2 แบบให้เลือก ออมเลตหรือข้าวต้มญี่ปุ่น เอ็มเลือกข้าวต้มญี่ปุ่นค่ะ เป็นข้าวต้นและมีกุ้งสับเค็มๆหวานๆ อร่อยดีค่ะ คล่องคอยามเช้า แถมชาเขียวมาด้วย ชื่นใจมากค่ะ 




น้องสาวทาน ออมเลตแบบฝรั่งค่ะ 
สายการบินนี้จอดที่ narita ค่ะ อาจจะไกลตัวเมืองกว่า hadena แต่ก็มีบริการ limousine bus ค่ะ
ทั้งหมดทั้งมวลก็ถือว่าไม่แพงมากพันกว่าบาทเพราะทั้งไปและกลับอีกทั้งยังซื้อ metro ticket 2 day pass อีกด้วย 
จะมีตารางเวลารถให้เราค่ะ ก่อนถึงเวลา 10 นาทีเราไปยืนรอได้เลยค่ะ เราจะไป akasaka เป็นย่านที่นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติอยู่กันเยอะ รถจะไปจอดที่ ANA intercontinental hotel ค่ะ 

ระหว่างรอเราก็ต่อคิวเป็นระเบียบตามระเบียบการของเค้าค่ะ 



เมื่อรถบัสมาถึงเราใช้เวลา 90 นาทีไปถึง ANA intercontinental ค่ะ 
ที่พักเราไม่ใช่ intercontinental หรอกค่ะแต่ที่พักเราเป็น weekly mansion tokyo akasaka ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ intercontinental ค่ะ 









เหตุผลที่ Facebook ซื้อหุ้นของ whatsapp



สองปีที่ผ่านมา line ตีตลาด ทะลุ ทั้ง IM หรือ instant message กับ ตัว social media platform ซึ่งหากย้อนกลับไปดูที่ญี่ปุ่น แล้ว line คืออันดับหนึ่ง ทั้งประเภท instant message และ social media platform
แม้ว่าwhatsapp เคยเป็นที่ 1 ในการสื่อสารผ่าน instant message ก่อน แต่ณ ปัจจุบัน หลายคนคงเลิกใช้ไปแล้ว บางคนก็กำลังจะเลิกใช้  เนื่องจากถ้าจะโหลดใหม่ก็ต้องเสียเงินโหลด ถึง $.99 เลยทีเดียว

เฟสบุ๊คเองก็พยายาม พัฒนา ส่วนที่เป็น inbox หรือ facebook messaging โดยการเพิ่มสติ๊กเกอร์น่ารักๆ เข้ามา พร้อมมี video calling แต่น้อยคนนักจะใช้ function นี้ของเฟสบุ๊ค
ในที่สุดข่าวล่า วันนี้เมื่อเปิดเฟสบุ๊คขึ้นมาคือ เฟสบุ๊คซื้อ whatsapp แล้ว แต่รายละเอียดและเหตุผลคืออะไรละคะ  .... ดูจากข้างต้น ทั้งสองก็กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆเพื่อให้ได้พัฒนาและสู้ได้กับคู่ต่อสู้ที่เกิดขึ้นมากมายในท้องตลาด ทำให้เฟสบุ๊ค ซื้อหุ้นของ whatsapp ด้วยราคา

16 พันล้าน ดอลล่าร์สหรัฐ 16 พันล้าน แตกออกเป็นอะไรได้บ้าง

12 พันล้านถูกใช้ไปในหุ้น

4 พันล้านเป็นเงินสด

3 พันล้านเป็นค่าพนักงาน

ทั้งหมดรวมแล้วคือ 19 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐค่ะ

การแถลงการณ์ของทางเฟสบุ๊คนั้นการได้ whatsapp มาถือเป็นการเกิดใหม่ของการร่วมมือกันระหว่าง facebook และ whatsapp เนื่องจาก whatsapp สามารถเป็นจุดเชื่อมต่อให้กับผู้ใช้ หรือ user ได้ถึง 1 พันล้านคนเลยทีเดียว ถึงแม้จำนวนผู้ใช้จะลดลง แต่ก็มีผู้ใช้อยู่ถึง 70% ของจำนวนการ register ทั้งหมด

ทางเฟสบุ๊คมองว่าเป็นโอกาสดี ที่จะได้พัฒนาเข้าถึงตลาดที่ใหญ่ขึ้นร่วมถึง function instant message ที่ยังไม่สามารถ สู้คู่แข่งบางแบรนด์ได้
เราเคยพูดเรื่อง trend ในปี 2014 ไปแล้วว่าหนึ่งในเทรนด์ ที่แท้จริงคือเรื่อง mobile marketing อาจไม่ใช่ sms แต่คือ instant message platform + social media platform กับการพัฒนาที่ต้องทำให้ต่อเนื่อง

ที่น่าจับตามองก็คือ หากทางผู้บริหารของ whatsapp กล่าวว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของ application ใดๆทั้งสิ้น ไม่มีโฆษณา ไม่มีการรบกวนใดๆ ให้กับผู้ใช้ whatsapp เลย แล้วการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นคืออะไร แต่คอยติดตามกันนะคะ

mobile marketing เป็นเรื่องสำคัญ ลองหาความรู้เพิ่มเติม จะดีมากค่า 

หวังว่าบทความวันนี้จะเป็นประโยชน์เช่นเคยค่ะ 


วิเคราะห์บทความจาก 

credit : 
techcrunch
businessinsider 
techinasia 

Tuesday, January 28, 2014

จะโพสต์อะไรดี? คำถามที่เกิดขึ้นบ่อยสำหรับ sme ที่เลือกใช้ social media เป็นช่องทางการทำการตลาด



เราควรโพสต์อะไรดี จะถูกใจ กลุ่มเป้าหมาย?

คำถามนี้เจอบ่อยครั้งทั้งในคลาสที่สอน เวลาให้คำปรึกษาธุรกิจต่างๆ หรือแม้แต่กับตัวเองค่ะ 
ไม่ต้องกังวลไป การคิดไม่ออกเป็นเรื่องปกติ แต่เราต้องกลับไปเริ่มต้นวางแผนเพื่อให้มีความสมํ่าเสมอในการโพสต์และการสานสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายหรือ fan page ของเราค่ะ สิ่งที่เราต้องกลับไปทบทวนคือ

1.ธุรกิจของเรา คือธุรกิจอะไร ให้ประโยชน์อะไรกลับไปกับกลุ่มเป้าหมายได้บ้าง
2.แบรนด์เรา มีลักษณะบุคคลิกของแบรนด์อย่างไร 
3.กลุ่มเป้าหมายของเรา มีลักษณะและพฤติกรรมอย่างไรบ้าง




หลังจากนั้นลองผสมผสานกับสิ่งรอบตัว เพื่อคิด theme ใหญ่ ที่เปรียบเหมือน ร่มคันใหญ่ และสามารถแตกหัวข้อการโพสต์ออกมาได้เป็นรายอาทิตย์ รายวัน และรายชั่วโมง 

ตัวอย่างเช่นแผนสำหรับการโพสต์เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก เรานำสิ่งที่ แบรนด์ของเรามี บวกกับตีมประจำเดือนและบวกกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ หลังจากนั้นนำโจทย์มาหาข้อมูลต่างๆ เพื่อโพสต์ตามประเภทดังรูป อาทิเช่น รูปภาพ ลิ้งค์จากเว็บไซต์ที่ให้ความรู้ดีๆ บทความ สุดท้ายคือการขายหรือโปรโมชั่น เอ็มเคยพูดถึงเรื่องกฏ 80+20 ไปว่า 80% การโพสต์ ให้เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยว และเกี่ยวแบบอ้อมๆสำหรับการขาย อีก 20% ให้เป็นเรื่องของการขาย 

การแตก ตีมเช่นนี้นำมาบวกกับ 3E หรือ 3 ให้ ที่เคยว่าไว้คือ ให้ความรู้ ให้ความบันเทิง ให้แรงบันดาลใจ 
แหล่งข้อมูลสำหรับการโพสต์ก็จะไม่ซํ้าไม่น่าเบื่อหน่าย ถ้าเปรียบเพจของเราเป็นคนแล้ว ก็จะเป็นคนที่คุยสนุก ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ  

สำหรับคนที่ต้องการทำ blog หรือคนที่มี website เราสามารถสร้าง traffic ได้หลายช่องทางหากเราใช้ twitter ข้อความควรเป็นพาดหัวข่าว เนื่องจากจำกัดจำนวนตัวอักษร หากเป็น facebook ควรเป็นพาดหัวข่าวบวกกับเนื้อหาโดยย่อผสมกับ link ที่จะนำ กลุ่มเป้าหมายให้เข้าสู่เว็บไซต์ หรือ blog ของเรา เราสามารถใช้ forum หรือกระทู้เพื่อสร้าง traffic บวกกับ social media ช่องทางอื่นๆ อย่างที่ยกตัวอย่างมาค่ะ ปีนี้ video marketing มาแรงเอ็มว่ามาแรงนะคะ ถ้าใช้ถูกใช้เป็นสร้างวิดีโอให้ดึงดูดเป็น 

เทคนิคในโพสต์วันนี้น่าจะช่วยให้ใครหลายๆคนแก้ไขปัญหาเรื่องการโพสต์ได้ไม่มากก็น้อย ยังไงคอยติดตามในโพสต์ครั้งต่อไปดูนะคะ ว่าจะมีเทคนิคอะไรมาฝากอีก 

:) 


Monday, January 13, 2014

Content Marketing : ข้อความที่คุณต้องการสื่อออกไป




หลังจาก blog ที่แล้วพูดถึงเลือกการใช้ social media เมื่อเลือกได้แล้ว เราได้พูดถึงการดู กลุ่มเป้าหมายของเรา และสินค้าของเราว่าจะใช้ social media เครื่องมือไหน  
content marketing ก็เช่นเดียวกันค่ะ เราต้องดูกลุ่มตลาดของเราว่าเราควรนำเสนอสารอย่างไรบ้าง เรื่องอะไรบ้าง และนำเสนอในรูปแบบไหน 
อ่าน เห็น ได้ยิน ประสาทสัมผัสหลักๆผ่าน social media 


content marketing : content คือ เนื้อหา เนื้อเรื่อง ข้อมูล สารที่เราต้องการนำเสนอ ผ่านสัมผัสหลักๆ อยู่ 2 อย่างหากเราพูดถึงตัว social media คือ 1 การอ่าน การมองเห็นทางสายตา 2 การได้ยินเสียงผ่านหูทั้งสองข้าง การนำเสนอเรื่องราวต่างๆผ่าน content marketing จึงเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะถือเป็นสารที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมาย มองเห็น รู้จัก เข้าใจ และผูกสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณ 

content marketing ก็จัดได้ว่าถูกดำเนินมานานหลายปีแล้วคู่กับการทำการตลาด ตั้งแต่ยุคสมัยของออฟไลน์ที่มี นิตยสาร โทรทัศน์ วิทยุ เพียงแต่เรานำเนื้อหาเหล่านั้นเปลี่ยนช่องทางการสื่อสารมาเป็น social media แต่ไม่ใช่การนำเนื้อหาอะไรก็ได้มา สื่อ กับกลุ่มเป้าหมายให้รู้จักกับแบรนด์เรา 

หลักๆแล้วขั้นตอนแรกสามารถ แตกลักษณะของกลุ่มเป้าหมายของเราออกมาว่าเป็นคนลักษณะไหน อายุเท่าไหร่ ใช้ชีวิตอย่างไร คิดอย่างไร และเราก็เสนอเรื่องราว หรือ สาร ผ่าน social media ให้เหมือนกับเพื่อนที่มีลักษณะเดียวกันกับกลุ่มเป้าหมาย ได้เป็นคนทำหน้าที่สื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าใจแบรนด์ของคุณยิ่งขึ้น 

หลังจากนั้น แตกประเด็นค่ะ :) หลักการง่ายๆขั้นต้น คือ 

1.เนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับการขาย
2.เนื้อหาที่เกี่ยวกับการขาย 

เราจะใช้กฏ 80:20 เป็นกฏที่ใช้กันบ่อยๆ ก็ยังใช้ได้อยู่ค่ะ ปัจจุบันคนเราชอบรับข้อมูลต้านๆคือต้องการเป็นผู้รับมากกว่าผู้ให้เพราะฉะนั้นแล้วแบรนด์ก็ต้องเป็นเพื่อนที่ให้ค่ะ ใส่ใจในรายละเอียดของผู้ที่รับ ให้ให้ให้ ให้ข้อมูลต่างๆ ที่อาจจะไม่เกี่ยวกับการขายเลย แต่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับแบรนด์และสินค้าของคุณทางอ้อม โดยใช้หลักการ


framework แบบง่ายๆสำหรับ content marketing เบื้องต้น



ให้ 3 หลัก คือ
1.ให้ความรู้ 
ให้ความรู้ในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน 
2.ให้ความบันเทิง
ให้ความบันเทิงในเรื่องต่างๆ เหมือนเป็นเพื่อนที่สามารถเล่าเรื่องที่อ่านแล้วสบายใจที่จะอ่าน หรือสนุกเวลาอ่าน 
3.ให้แรงบันดาลใจ 
ให้กำลังใจเมื่อกลุ่มเป้าหมายต้องการ

ลองวิเคราะห์และเขียนออกมาเบื้องต้นก่อนนะคะ ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร ต้องการอะไร แล้วเราต้องการสื่ออะไร แล้วเราจะให้ 3 ให้ข้อมูลได้อย่างไรบ้าง เดี๋ยว blog ต่อไปเอ็มจะเอา framework ที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับ content marketing มาให้ดูกันค่ะ ยังไงก็เอาใจช่วยกับใครหลายๆคนที่กำลังใช้ social media เป็นเครื่องมือทำการตลาดสำหรับธุรกิจด้วยนะคะ